"หอการค้าไทย"ชี้คลายล็อกเฟส 5 เงินสะพัดวันละพันล้านบาท ฟื้น"ศก.-จ้างงาน-ลดความเดือดร้อน" ขณะที่"ขสมก."คลายล็อกรับเปิดเทอม อนุญาตให้ผู้ใช้บริการที่เดินทางมาด้วยกัน หรือเดินทางมาเป็นครอบครัว สามารถนั่งติดกันได้ สอดรับมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 5 ของรัฐเริ่ม 1 ก.ค.นี้ เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.63 นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า การผ่อนคลายมาตรการให้สามารถเปิดกิจการ กิจกรรมในระยะที่ 5 ซึ่งเป็นกลุ่มสีแดง หรือกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยิ่งผ่อนคลายมาตรการยิ่งเป็นผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ ทำให้ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการถูกปิดกิจการ สามารถกลับมาประกอบอาชีพได้ แม้ว่าจะทำได้ไม่เต็มที่ โดยคาดว่า การผ่อนคลายเฟส 5 สถานบันเทิง ธุรกิจผับ บาร์ คาราโอเกะ จะทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเฉลี่ยวันละประมาณ 1,000 ล้านบาท หรือประมาณ 15,000-30,000 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อภาวะเศรษฐกิจ การจ้างงาน สภาพคล่องของธุรกิจ วันเดียวกัน นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ภายหลังรัฐบาลได้เตรียมผ่อนคลายมาตรการสกัดกั้นการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในระยะที่ 5 แล้ว อีกทั้งตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้ ซึ่งตรงกับวันเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 63 โดยจะมีนักเรียน นิสิต นักศึกษา ผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไปใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะเพิ่มขึ้น ประกอบกับกระทรวงคมนาคมมีนโยบายให้หน่วยงานในสังกัดเตรียมผ่อนคลายมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ในระบบขนส่งสาธารณะ เพื่อให้สามารถรองรับผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 70% โดยอนุญาตให้ผู้ใช้บริการที่เดินทางมาด้วยกัน หรือเดินทางมาเป็นครอบครัวสามารถนั่งติดกันได้ บนเบาะที่นั่งที่กำหนด ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.เป็นต้นไป ทั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการรถโดยสารของขสมก.เพิ่มขึ้นเป็นวันละประมาณ 900,000 คน ขสมก.จึงจัดแผนการเดินรถโดยสาร ในช่วงมาตรการผ่อนคลายระยะที่ 5 และช่วงเปิดภาคเรียน คือ ด้านรถโดยสาร 1. จัดรถออกวิ่ง 100% (3,000 คัน/วัน) หรือจัดรถออกวิ่งให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในแต่ละช่วงเวลา โดยมีเที่ยววิ่งเฉลี่ย วันละประมาณ 25,000 เที่ยว ซึ่งก่อนนำรถออกวิ่ง จะใช้ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรคที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 70% ฉีดพ่นและเช็ดทำความสะอาดอุปกรณ์ต่างๆ ที่ผู้ใช้บริการต้องสัมผัส เช่น เบาะที่นั่ง ราวจับ กริ่งสัญญาณ เป็นต้นพร้อมทั้งติดตั้ง ขวดเจลแอลกอฮอล์ สำหรับให้ผู้ใช้บริการล้างมือ บริเวณประตูทางขึ้น 2. กำหนดจุดนั่ง (เบาะที่ไม่มีเครื่องหมายกากบาท) และจุดยืนให้มีระยะห่างกัน 1 เมตร ซึ่งรถโดยสาร 1 คัน อนุญาตให้ผู้ใช้บริการ ยืนได้ไม่เกิน 10 คน กรณีผู้ใช้บริการเต็ม พนักงานเก็บค่าโดยสารจะติดป้ายข้อความ "ผู้ใช้บริการเต็ม โปรดใช้บริการ รถคันถัดไป" บริเวณกระจกหน้ารถโดยสาร พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้บริการรับทราบ เพื่อรอใช้บริการรถโดยสารคันถัดไป 3. กำหนดจุดนั่งเบาะคู่ (เบาะคู่ที่ไม่มีเครื่องหมายกากบาททั้ง 2 เบาะ) เพิ่มเติม สำหรับให้ผู้ใช้บริการที่เดินทางมาด้วยกัน หรือ ผู้ใช้บริการที่เป็นครอบครัวเดียวกัน สามารถนั่งติดกันได้ 4. ตรวจเช็กสภาพ และตรวจสอบการซ่อมบำรุงอุปกรณ์ส่วนควบต่างๆ ของรถโดยสาร ให้มีความมั่นคงแข็งแรง พร้อมทั้งตรวจเช็กประตูเปิด-ปิดอัตโนมัติ ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน 5. ติดตั้ง QR Code แอปพลิเคชันไทยชนะ บริเวณหลังเบาะที่นั่ง และบริเวณผนังด้านข้างภายในรถโดยสารสำหรับให้ผู้ใช้บริการสแกนผ่านโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟน เพื่อเก็บข้อมูลการเดินทาง กรณีตรวจพบผู้ติดเชื้อใช้บริการรถโดยสารคันเดียว และเวลาเดียวกันกับผู้ใช้บริการ จะมีการแจ้งเตือนผ่านระบบ SMS ว่าผู้ใช้บริการมีความเสี่ยงให้รีบไปพบแพทย์ นายสุระชัย กล่าวว่า ส่วนด้านบุคลากร ขสมก.จะกำกับดูแลพนักงานขับรถโดยสารให้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้พนักงานเก็บค่าโดยสาร คอยดูแลการขึ้น-ลงของผู้ใช้บริการอย่างใกล้ชิด ให้บริการด้วยความสุภาพเรียบร้อย นอกจากนั้นยังมีการตรวจวัดแอลกอฮอล์ ความดันโลหิต และอุณหภูมิร่างกายของพนักงานขับรถ และพนักงานเก็บค่าโดยสารทุกครั้ง ก่อนขึ้นปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสาร พร้อมทั้งกำชับพนักงานขับรถและพนักงานเก็บค่าโดยสาร สวมหน้ากากอนามัย และถุงมือทุกครั้ง ขณะปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสารจัดพนักงานนายตรวจ และเจ้าหน้าที่สายตรวจพิเศษประจำจุด ณ บริเวณหน้าโรงเรียน และป้ายหยุด รถโดยสาร ที่มีผู้ใช้บริการ หนาแน่น เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจร และดูแลการขึ้น-ลงรถของผู้ใช้บริการ ส่วนการปฏิบัติตัวของผู้ใช้บริการ ผู้ใช้บริการจะต้องสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง ขณะใช้บริการรถโดยสาร, ผู้ใช้บริการจะต้องนั่ง และยืนตามจุดที่กำหนด กรณีผู้ใช้บริการเต็มจะต้องรอใช้บริการรถโดยสารคันถัดไป อย่างไรก็ตามกรณีผู้ใช้บริการที่เดินทางมาด้วยกัน หรือเดินทางมาเป็นครอบครัว สามารถนั่งบนเบาะที่นั่งคู่ที่กำหนดไว้ (เบาะคู่ ที่ไม่มี เครื่องหมายกากบาททั้ง 2 เบาะ) ส่วนผู้ใช้บริการที่เดินทางมาคนเดียว ขอความกรุณานั่งบนเบาะที่นั่งอื่นๆ ที่ไม่มีเครื่องหมายกากบาท นายสุระชัย กล่าวต่อว่า เพื่อประโยชน์ของผู้ใช้บริการ ควรสแกน QR Code แอปพลิเคชันไทยชนะ บนรถโดยสาร เพื่อเช็กอินเมื่อขึ้นรถ และเช็กเอาต์ ก่อนลงจากรถ รวมทั้งผู้ใช้บริการจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของพนักงานเก็บค่าโดยสาร นายตรวจ และเจ้าหน้าที่สายตรวจพิเศษอย่างเคร่งครัด