หลังได้รับความเชื่อมั่นจากนานาชาติควบคุมโรคได้ดี เสนอใช้วิธีจับคู่กับประเทศความเสี่ยงต่ำก่อน พร้อมประเมินสถานการณ์เป็นระยะ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 7/2563 โดยที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาและเห็นชอบ ร่าง “ระบบการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จากผู้เดินทางที่จะเข้ามาในราชอาณาจักร ภายใต้พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558” นายอนุทินกล่าวว่า ไทยได้รับความเชื่อมั่นจากนานาประเทศในความสำเร็จของการเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทูตานุทูตหลายประเทศเข้ามาหารือเรื่องมาตรการผ่อนปรนการเดินทางระหว่างประเทศและขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยมาตรการที่คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติเสนอ จะใช้วิธีจับคู่เจรจาและทำข้อตกลงระหว่างประเทศคู่เจรจา ทั้งนี้ จะเริ่มจับคู่กับประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำก่อน และจะประเมินสถานการณ์เป็นระยะ เพื่อปรับกลุ่มประเทศและมาตรการได้ตลอด สำหรับกลุ่มคนที่เดินทางเข้ามาจากต่างประเทศ จำแนกเป็น3กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นบุคคลที่นายกฯอนุญาต เช่น คณะทูต คณะกงศุล องค์กรระหว่างประเทศหรือผู้แทนรัฐบาล ผู้ขนส่งสินค้าตามความจำเป็น กลุ่มที่สอง คนไทยกลับบ้านที่ต้องเข้าสู่ระบบกักกันซึ่งดำเนินการอยู่แล้ว กลุ่มที่สาม คนต่างชาติ จะพิจารณาจากวัตถุประสงค์การเข้ามา ความจำเป็นด้านเศรษฐกิจและสังคม ระยะเวลาอยู่ในประเทศ โดยมีการเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุขรองรับ ส่วนในกลุ่มชาวต่างชาติ จะแบ่งเป็น 3 ระยะของการผ่อนปรน ดังนี้ ระยะที่ 1กลุ่มที่เข้ามาระยะสั้น อาทิ อาคันตุกะของรัฐบาล กลุ่มนักธุรกิจ/นักลงทุนที่ได้รับอนุญาตจากรัฐ กลุ่มที่เข้ามาอยู่ระยะยาว อาทิ กลุ่มแรงงานฝีมือ/ผู้เชี่ยวชาญ คนต่างชาติที่เป็นครอบครัวคนไทย ผู้มีเหตุจำเป็น เช่น ครู/นักเรียนจากต่างประเทศตามความจำเป็นด้านเศรษฐกิจและสังคม ระยะที่ 2คือ กลุ่มที่มีผลต่อเศรษฐกิจและเข้ามาอยู่ในสถานที่เฉพาะคือโรงพยาบาล คือผู้ป่วยที่เข้ามารับบริการด้านสุขภาพ และระยะที่ 3คือ กลุ่มที่มีการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ มีผลต่อเศรษฐกิจและการผลิต คือกลุ่มนักท่องเที่ยว และแรงงาน ซึ่งจะเริ่มดำเนินการเมื่อพร้อมและสังคมมีความเชื่อมั่น ทั้งนี้ จะได้นำเสนอต่อศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดโรคติดเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 ต่อไป ทั้งนี้ ได้กำหนดมาตรการดำเนินการ ตั้งแต่การเตรียมตัวก่อนเดินทางเข้าประเทศ อาทิ ลงทะเบียนและมีใบรับรองจากสถานทูตไทย การทำประกันภัยที่ครอบคลุมการตรวจ/รักษาโควิด19 ใบรับรองการบิน ระหว่างอยู่ในประเทศ อาทิ การคัดกรอง ตรวจหาเชื้อ การแยกกัก กักกัน และคุมไว้สังเกตตามระยะเวลาที่อยู่ในประเทศไทย โดยทีมติดตามด้านการแพทย์และสาธารณสุข และก่อนเดินทางกลับ อาทิ รายงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ การตรวจหาเชื้อก่อนกลับ เพื่อสร้างความมั่นใจในการดูแลความปลอดภัยแก่ประชาชน และเพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบแผน การเฝ้าระวังประชากรกลุ่มเสี่ยงที่จะดำเนินการต่อเนื่อง ได้แก่ ผู้ให้บริการทางการแพทย์ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ผู้ต้องขังแรกรับ ผู้ต้องกักแรกรับ และอาชีพเสี่ยง เช่น พนักงานในโรงงานผลิตอาหาร พ่อค้าแม่ค้า บุคลากรที่ทำงานกับผู้สูงอายุ พนักงานนวด พนักงานสถานบันเทิง โดยระหว่างวันที่ 18 พ.ค.-22 มิ.ย.63 ได้ตรวจเฝ้าระวังในกลุ่มเสี่ยงทั่วประเทศ 89,620 ราย ตรวจพบเชื้อ 1 รายเป็นผู้ป่วยเก่า รอผลตรวจ 8,257 ราย