เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.63 พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. พ.ต.อ.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบก.ป.(รรท.ผบก.ป.) พ.ต.อ.มนตรี เทศขัน รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ณัฐพงษ์ ปิตะบุตร รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.4 บก.ป. พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ เกิดเอี่ยม พ.ต.ท.มนูญ แก้วก่ำ พ.ต.ท.เอกสิทธิ์ ปานสีทา และพ.ต.ท.ธีรภาส ยั่งยืน รอง ผกก.4 บก.ป. พ.ต.ท.จักรี กันธิยะ สว.กก.4 บก.ป. ร่วมกันจับกุมนายฐิติกร หรือเอ็ม (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดเทิง ที่ 95/2559 ลงวันที่ 9 พ.ย.59 ในความผิดฐาน “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย กรรโชกทรัพย์ รีดทรัพย์” ได้ที่บริเวณทางเดินหน้าห้องพัก ต.บางบ่อ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ
เมื่อปลายปี พ.ศ.2558 นายฐิติกร ได้ใช้เฟสบุ๊คพูดคุยทำความรู้จักกับ น.ส.เอ (นามสมมุติ) จนเกิดความสนิทสนม โดย น.ส.เอ เป็นคนหน้าตาดีและมีฐานะค่อนข้างดี แต่มีสามีอยู่แล้ว ต่อมานายฐิติกร ได้หลอกให้ น.ส.เอ ไปที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งที่ อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย โดยอ้างว่าจะนัดไปเที่ยวที่รีสอร์ทดังกล่าว โดย น.ส.เอ เห็นว่าได้พูดคุยกับนายฐิติกร นานพอสมควรแล้ว น่าจะไว้ใจได้ จึงยินยอมไปหานายฐิติกรฯ ที่รีสอร์ท แต่เมื่อมาถึงที่นัดหมาย ปรากฏว่านายฐิติกร ได้ใช้กำลังบังคับข่มขืน น.ส.เอ และพา น.ส.เอ กลับมาส่งที่บ้านตามเดิม
หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว นายฐิติกรฯ ก็ยังพยายามติดต่อพูดคุยกับ น.ส.เอ อีกหลายครั้ง แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงทำให้ นายฐิติกร เกิดความโกรธแค้น เพราะเชื่อว่า น.ส.เอ พยายามจะตีตัวออกห่าง นายฐิติกร จึงโทรศัพท์ไปขู่ น.ส.เอ ว่าถ้าคิดจะเลิกกัน นายฐิติกร ต้องการเงินจำนวน 100,000 บาท ซึ่งหาก น.ส.เอ ไม่ยินยอม นายฐิติกร จะโทรศัพท์ไปบอกสามีของ น.ส.เอ ในเรื่องความสัมพันธ์ของตนกับ น.ส.เอ และด้วยความกลัว น.ส.เอ จึงยอมมอบเงินจำนวน 100,000 บาท ให้กับนายฐิติกร ไป แต่หลังจากที่ได้เงินจำนวนดังกล่าวไปแล้ว นายฐิติกร ก็ยังคงขอเงินและข่มขู่ในลักษณะเช่นเดิมอีกจึงทำให้ น.ส.เอ ตัดสินใจเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย เพื่อดำเนินคดีกับนายฐิติกรฯ และต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหา
จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม ได้สืบสวนสอบสวนจนทราบว่า นายฐิติกร ได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งย่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ จึงได้เข้าจับกุมตัวนายฐิติกร นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย ดำเนินคดีต่อไป สอบถามนายฐิติกร ให้การภาคเสธว่า ตนได้มีเพศสัมพันธ์กับน.ส.เอ จริง แต่ตนไม่ได้ใช้กำลังข่มขืมแต่อย่างใด และไม่ได้หลอกลวง น.ส.เอ มาที่รีสอร์ท เพื่อที่จะข่มขืน ซึ่งในส่วนของเงินจำนวน 100,000 บาท ที่ น.ส.เอ มอบมาให้นั้น เป็นเงินที่ น.ส.เอ มอบให้กับตน โดยเสน่หา
หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว นายฐิติกรฯ ก็ยังพยายามติดต่อพูดคุยกับ น.ส.เอ อีกหลายครั้ง แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงทำให้ นายฐิติกร เกิดความโกรธแค้น เพราะเชื่อว่า น.ส.เอ พยายามจะตีตัวออกห่าง นายฐิติกร จึงโทรศัพท์ไปขู่ น.ส.เอ ว่าถ้าคิดจะเลิกกัน นายฐิติกร ต้องการเงินจำนวน 100,000 บาท ซึ่งหาก น.ส.เอ ไม่ยินยอม นายฐิติกร จะโทรศัพท์ไปบอกสามีของ น.ส.เอ ในเรื่องความสัมพันธ์ของตนกับ น.ส.เอ และด้วยความกลัว น.ส.เอ จึงยอมมอบเงินจำนวน 100,000 บาท ให้กับนายฐิติกร ไป แต่หลังจากที่ได้เงินจำนวนดังกล่าวไปแล้ว นายฐิติกร ก็ยังคงขอเงินและข่มขู่ในลักษณะเช่นเดิมอีกจึงทำให้ น.ส.เอ ตัดสินใจเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย เพื่อดำเนินคดีกับนายฐิติกรฯ และต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหา
จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม ได้สืบสวนสอบสวนจนทราบว่า นายฐิติกร ได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งย่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ จึงได้เข้าจับกุมตัวนายฐิติกร นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย ดำเนินคดีต่อไป สอบถามนายฐิติกร ให้การภาคเสธว่า ตนได้มีเพศสัมพันธ์กับน.ส.เอ จริง แต่ตนไม่ได้ใช้กำลังข่มขืมแต่อย่างใด และไม่ได้หลอกลวง น.ส.เอ มาที่รีสอร์ท เพื่อที่จะข่มขืน ซึ่งในส่วนของเงินจำนวน 100,000 บาท ที่ น.ส.เอ มอบมาให้นั้น เป็นเงินที่ น.ส.เอ มอบให้กับตน โดยเสน่หา