กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ร่วมมือ ธ.ก.ส.ลงพื้นที่ จ.อุทัยธานี เดินหน้าขับเคลื่อนการใช้ไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง หลังพบเกษตรกรและประชาชนสนใจปลูกไม้ยืนต้นบนที่ดินของตนเองมากขึ้น พร้อมตรวจวัดและประเมินมูลค่าต้นไม้ของเกษตรกรที่แสดงความประสงค์ขอใช้ไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันการขอสินเชื่อ น.ส.ปัทมาวดี บุญโญภาส รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยทุเลาเบาบางลง นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้สั่งการให้เตรียมลงพื้นที่จังหวัดต่างๆ เพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนการใช้ไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยลงพื้นที่ร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งกรมฯ และ ธ.ก.ส. เป็นหน่วยงานหลักที่ร่วมกันขับเคลื่อนการนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ โดย ธ.ก.ส.เป็นธนาคารแรกที่เกษตรกรสามารถนำไม้ยืนต้นที่ปลูกบนที่ดินของตนเองมาเป็นหลักประกันการกู้เงินตาม พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจฯ ดังนั้นการประสานความร่วมมือระหว่าง 2 หน่วยงาน จะช่วยผลักดันให้เกษตรกรและประชาชนตระหนักถึงประโยชน์ของการปลูกไม้ยืนต้นบนที่ดินของตนเอง นอกจากจะช่วยเพิ่มแหล่งออกซิเจนให้ประเทศแล้ว ยังเป็นมรดกให้ลูกหลานในอนาคตอีกด้วย และจากการสำรวจเบื้องต้นพบว่า เกษตรกรและประชาชนให้ความสนใจปลูกไม้ยืนต้นบนที่ดินของตนเองมากขึ้น หลังจากทราบว่า สามารถนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันการขอสินเชื่อเพื่อต่อยอดธุรกิจหรือใช้สอยในชีวิตประจำวัน โดยไม่จำเป็นต้องตัดต้นไม้ “เบื้องต้นกรมฯและ ธ.ก.ส.เตรียมลงพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี ประมาณเดือนกรกฎาคมนี้ เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรและประชาชนปลูกไม้ยืนต้นบนที่ดินของตนเอง รวมทั้ง ชี้แจงรายละเอียดโครงการธนาคารต้นไม้ของ ธ.ก.ส. และแนวทางการใช้ไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ เนื่องจาก เกษตรกรหรือประชาชนที่ต้องการใช้ไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อกับ ธ.ก.ส.ต้องเป็นลูกค้าของ ธ.ก.ส.และเป็นสมาชิกธนาคารต้นไม้ ดังนั้นการเข้าใจถึงรายละเอียดและหลักเกณฑ์การขอสินเชื่อที่ชัดเจนจะช่วยให้เกษตรกรสามารถวางแผนการใช้ประโยชน์จากไม้ยืนต้นที่ปลูกบนที่ดินของตนเอง หรือเริ่มที่จะปลูกไม้ยืนต้นเพื่อการออมในอนาคต นอกจากนี้จะได้ร่วมกันตรวจวัดและประเมินมูลค่าไม้ยืนต้นของเกษตรกรที่แสดงความประสงค์ขอใช้ไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจ ณ ที่ดินของเกษตรกรตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดด้วย” โดยโอกาสนี้ กรมฯจะให้คำแนะนำการพัฒนาและเพิ่มมูลค่าแก่ผลิตภัณฑ์ชุมชนในท้องถิ่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและสินค้าเกษตรแปรรูปให้มีความทันสมัยตรงความต้องการของตลาด พร้อมบรรจุในบรรจุภัณฑ์ที่มีความสวยงามเพื่อเพิ่มมูลค่า รวมถึงการขยายช่องทางการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่คนในท้องถิ่นมากขึ้น ทั้งนี้ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 19 มิ.ย.63) มีผู้ขอนำไม้ยืนต้นมาจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแล้ว จำนวน 104,571 ต้น เป็นไม้ประเภทยาง ยางพารา ต้นสัก และยูคาลิปตัส มูลค่ารวม 131,051,400 บาทสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองทะเบียนหลักประกันทางธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โทร. 0-2547-4944 e-Mail : [email protected] สายด่วน 1570www.dbd.go.th และ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) ทุกสาขาทั่วประเทศ