จากกรณีเมื่อช่วงสายของวันนี้ที่ 20 มิถุนายน 2563 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านที่ขี่รถจักรยานยนต์สัญจรผ่านไปมาบนถนนเทพารักษ์ทั้งขาเข้าและขาออก ตั้งแต่ลงสะพานข้าคลองบางปลา ไปจนถึงคลองส่งน้ำสุวรรณภูมิ ต.บางปลา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ที่มีการลอกเปิดหน้าถนนเพื่อที่จะทำการปรับผิวการจราจรใหม่ ทั้ง 2 ฝั่งทั้งขาเข้าและขาออก โดยไม่มีการตั้งป้ายเตือนหรือระวังอันตรายแต่อย่างใด ซึ่งถนนสายดังกล่าว เป็นถนนสายหลักที่มีรถบรรทุกขนาดใหญ่รถพ่วงและรถของชาวบ้านใช้สัญจรผ่านไปมาจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงเช้าและช่วงเย็นซึ่งเป็นเวลาเร่งด่วน อันตรายที่สุดคือช่วงกลางคืนและช่วงเช้ามืดที่ประชาชนจะเดินทางไปทำงานโดยการขับขี่รถจักรยานยนต์หากในช่วงกลางคืนมีฝนตกลงมาก็จะทำให้ถนนลื่นมาก ทำให้รถจักรยานยนต์ที่สัญจรไปมาลื่นล้มเช้าวันเดียวกว่า 20 คัน ทำให้ทรัพย์สินเสียหายและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเรียกร้องค่าเสียหายจากใครทำให้ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก จึงได้ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายคลิปขณะเกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ลื่นล้มและบาดเจ็บมาร้องเรียนต่อสื่อมวลชน ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายของวันนี้ที่ 22 มิถุนายน 2563 กลุ่มชาวบ้านผู้เสียหายและได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวได้ร่วมตัวพากันเดินทางมาที่โรงพัก สภ.บางพลี สมุทรปราการ เพื่อเข้าพบกับ พ.ต.อ.พีระศักดิ์ รอดบน ผกก.สภ.บางพลี สมุทรปราการ เพื่อให้เรียกร้องผู้รับเหมาซ่อมแซมถนนสายดังกล่าวและแขวงการทางซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างให้มาแสดงความรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชาวบ้านที่ประสบอุบัติเหตุที่เกิดจากการกระทำของผู้รับเหมา ที่ทำการขุดเปิดลอกหน้าถนนทั้งสองฝั่งโดยไม่มีป้ายหรือสัญญาณแจ้งเตือนจุดอันตรายในเส้นทางที่อยู่ระหว่างการซ่อมแซม โดยได้มีการตั้งจัดทีมสอบสวนมารับเรื่องการร้องทุกข์ของชาวบ้าน และจะได้เชิญตัวบริษัทที่รับเหมา และหน่วยงานผู้ว่าจ้างมาทำการสอบสวนข้อเท็จจริง ขณะเดียวกันหลังจากที่แจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนแล้ว กลุ่มผู้เสียหายและผู้บาดเจ็บทั้งหมด จะเดินทางเข้าร้องทุกข์ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสมุทรปราการ ถึงปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านที่ประสบอุบัติเหตุในครั้งนี้ต่อไป น.ส.ปภาดา ทองศาสตร์ อายุ 31 ปี ที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ลื่นล้ม ในจุดที่มีการขุดเปิดหน้าถนนจนแขนซ้ายหัก ได้กล่าวว่า ในวันที่เกิดเหตุแฟนตนเป็นคนขี่ส่วนตนเป็นคนนั่งซ้อนท้ายมาและอุ้มลูกสาววัย 2 ขวบครึ่งมาด้วย ขณะที่ขี่มาถึงที่เกิดเหตุ ตนได้เห็นว่าถนนในช่วงที่ขุดเปิดหน้าถนนเละมากคล้ายเป็นขี้โคลนและมีน้ำแฉะถนน ตนจึงบอกแฟนให้ขี่ช้า ๆ แต่ก็เอาไม่อยู่รถได้ลื่นและล้มทำให้แขนของตนที่อุ้มลูกสาวอยู่กระแทกพื้นถนนจนแขนหัก โดยแพทย์ ได้ระบุว่าต้องใช่เวลาในการรักษาตัวนานกว่า 2 เดือน แต่โชคดีที่ลูกสาวแค่เจ็บเล็กน้อยเพราะตนเอาแขนกันไว้ ด้านนายสุรชัย แปลนมัย อายุ 47 ปี ผู้บาดเจ็บอีกรายที่ได้รับบาดเจ็บหัวเข่าบวมและข้อเท้าแพลง ได้เล่าว่า ในวันที่เกิดเหตุประมาณ 7 โมงเช้าตนกำลังจะไปทำงานโดยได้นั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างไป ขณะขี่มาถึงที่เกิดเหตุซึ่งมีการขุดเปิดหน้าถนนทำให้ผิวถนนขรุขระและมีน้ำเปียกแฉะคนขี่วินจึงขับช้า ๆ และอยู่รถได้ลื้นล้ม ตอนแรกก็ไม่เป็นอะไรมากต่างคนต่างแยกย้ายกันไป และอยู่ ๆ ตนรู้สึกว่าเจ็บที่หัวเข่าและมีอาการบวม ตนจึงได้ไปหาหมอที่โรงพยาบาลสำโรงการแพทย์ โดยแพทย์ได้บอกว่าหัวเข่าบวมและอักเสบเนื่องจากแรงกระแทกรวมทั้งข้อเท้าด้วย ด้าน พ.ต.อ.พีระศักดิ์ รอดบน ผกก.สภ.บางพลี ได้ระบุว่า สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว ให้มาลงบันทึกประจำวันเอาไว้ ส่วนหนึ่งจะประสานไปทางศูนย์ดำรงธรรมของอำเภอบางพลีด้วยเพราะว่าจะมีหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งเขาจะต้องมารับรู้และรับทราบ ในส่วนของตำรวจจะเร่งติดตามในส่วนของผู้รับเหมา และดูในข้อกฎหมายว่า เป็นการกระทำที่เข้าข่าย กระทำการโดยประมาททำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายทั้งร่างกายและจิตใจ และทำให้ทรัพย์สินของผู้อื่นได้รับความเสียหาย แต่ก็ต้องดูว่าเขามีการระมัดระวังและมีการป้องกันสมควรแก่เหตุหรือไม่ อย่างไรก็ตามจะได้เรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาทำการสอบสวนและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป