ธปท.สั่งแบงก์จัดทำแผนบริหารจัดการระดับเงินกองทุน 1-3 ปีข้างหน้า ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลประเมินภายในสิ้นก.ค.นี้ ยืนยันระบบสถาบันการเงินไทยยังแข็งแกร่ง เชื่อไม่ซ้ำรอยวิกฤติต้มยำกุ้งปี 40 นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)เปิดเผยว่า การส่งหนังสือเวียนให้สถาบันการเงินงดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานปี 2563 และห้ามซื้อหุ้นคืนนั้น เป็นไปตามแนวทางของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) และธนาคารกลางหลายประเทศที่สามารถทำได้ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ปกติเช่น ยุโรป อังกฤษ ออสเตรเลีย แคนาดา และนิวซีแลนด์ จึงมองว่าเป็นเรื่องที่นักลงทุนต่างชาติเข้าใจ และเชื่อว่าหากมีการสื่อสารสร้างความเข้าใจไปยังนักลงทุนไทยและกลุ่มลูกค้าของสถาบันการเงิน ก็จะไม่ทำให้เกิดความตื่นตระหนกหรือการแห่ถอนเงิน ขณะเดียวกันได้ขอให้สถาบันการเงินทำประเมินและจัดทำแผนบริหารจัดการระดับเงินกองทุน สำหรับระยะ 1-3 ปีข้างหน้า หรือ Stress Test ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เพื่อเสริมสร้างเงินกองทุนเพื่อรองรับความเสี่ยงจากสถานการณ์โควิด-19 และสามารถสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงฟื้นตัวหลังโควิด-19 รวมทั้งเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ฝากเงินและนักลงทุน โดยให้ส่งกลับมายังแบงก์ชาติภายในสิ้นเดือนก.ค.63 สำหรับสถานะกองทุนของสถาบันการเงินไทยขณะนี้อยู่ที่ ระดับ 18.7% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับสูงและยังสามารถรองรับความเสี่ยงจากสถานการณ์โควิด-19 ไปได้อีกระยะหนึ่ง ขณะที่ระดับหนี้เสีย หรือ NPL ในระบบ ณ สิ้นไตรมาส 1/2563 อยู่ที่ระดับ 3.05% จึงมั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยปี 2540 ที่ขณะนั้นตัวเลข NPL พุ่งสูงถึง 50% ขณะที่ปัจจุบันสถาบันการเงินของไทยมีความแข็งแกร่งและมีมาตรการเชิงรุกดูแลลูกหนี้ อย่างไรก็ตาม หากสถานะเงินกองทุนลดต่ำลงก็สามารถเพิ่มทุนได้ผ่านรูปแบบเช่น การระดมทุน การออกหุ้นกู้ ซึ่งการงดจ่ายปันผลก็เป็นแนวทางหนึ่งในการเพิ่มเงินเข้าสู่กองทุนด้วย ส่วนกรณีที่สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ยังไม่ดีขึ้นจะมีการขอให้งดจ่ายเงินปันผลทั้งปีหรือไม่นั้น ยังต้องรอประเมินสถานการณ์อีกครั้ง