ระบุแจกคู่มือสถานศึกษาทั่วไทย 20 ข้อต้องเป๊ะ ถึงเปิดเรียนได้ ชี้ผ่านมาตรฐานแล้วใกล้เต็ม 100% โดยโรงเรียนขนาดใหญ่ที่มีปัญหาในการเว้นระยะห่าง 4.5 พันโรงต้องปรับสลับกันมาเรียน ซึ่งวางไว้หลายรูปแบบให้เลือก พร้อมเรียนผ่านออนไลน์ เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.63 นายวราวิช กำภู ณ อยุธยา ที่ปรึกษารมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงการเตรียมพร้อมความปลอดภัยในการดูแลนักเรียนช่วงเปิดเทอมว่า การเลื่อนการเปิดเทอม เป็น 1 ก.ค. ทำให้ผู้ปกครองห่วงว่าจะเรียนครบหรือไม่ จากเดิมจะเรียน 2 ภาค เวลาเรียนประมาณ 200 วัน ภาคเรียนใหม่ที่จะเปิด 1 ก.ค.-14 พ.ย.63 และ 1 ธ.ค.63-10 เม.ย.64 จะมีวันหยุดน้อยลง และวันเรียน 180 วัน ที่เหลือศธ.ให้แต่ละโรงเรียนมีอิสระในการสอนเพิ่ม อาจเป็นเสาร์-อาทิตย์ หรือช่วงเย็น เพื่อให้มั่นใจว่านักเรียนได้เรียนรู้ครบถ้วน ทั้งนี้ กรมอนามัย ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ ออกคู่มือการปฏิบัติของสถานศึกษา ซึ่งได้แจกจ่ายทำความเข้าใจไปหมดแล้ว แบ่งเป็น 6 มิติ โดยมิติที่ 1 เรื่องความปลอดภัย จากการลดการแพร่เชื้อโรค มี 20 ข้อ โดยต้องครบทั้ง 20 ข้อ จึงจะเปิดเรียนได้ ส่วนมิติที่ 2-6 เป็นส่วนเพิ่มเติม 24 ข้อ โดยมีแบบประเมินซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่ใช้กันทั่วประเทศ ถึงวันนี้โรงเรียนได้ผ่านประเมินจากกรมอนามัยแล้วกว่า 90% เวลาที่เหลือจึงไม่น่ามีปัญหาที่โรงเรียนทั้งหมดจะผ่านเกณฑ์ 20 ข้อทั้ง 100% อย่างไรก็ตาม ใน 20 ข้อ ที่น่าจะปฏิบัติได้ยากที่สุดคือ การเว้นระยะห่าง 1.5 เมตรของห้องเรียน ได้สรุปโดยโรงเรียนที่สามารถเว้นระยะห่าง มาเรียนได้ปกติ ไม่ต้องสลับมาเรียน มี 31,000 โรง รวมทั้งของรัฐ เอกชน นานาชาติ และอาชีวะศึกษา ส่วนโรงเรียนที่มาเรียนพร้อมกันไม่ได้ เป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ ต้องสลับมาเรียน มี 4,500 โรง ซึ่งคนที่ไม่ได้มาเรียน ศธ.ได้จัดออนแอร์ และออนไลน์ คอยดูแลนักเรียนที่ไม่ได้มาเรียน อยู่ที่บ้านให้เรียนผ่านทีวี ผ่านอินเตอร์เน็ต ทั้งนี้ หากมีผู้ติดเชื้อ ก็จะต้องเรียนออนแอร์ หรือออนไลน์ที่บ้าน สำหรับ 4.5 พันโรงที่ต้องสลับเรียน ได้ประชุมหารือ หาวิธีการสลับเรียน มีทั้งสลับวันคี่ วันคู่ หรือผสม หรือสลับเรียน สลับเช้าบ่าย เรียน 5 วัน หยุด 9 วัน ผ่านประชุมร่วมกันหลายฝ่ายทั้งครูและผู้ปกครอง