เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.63 ภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์เมื่อเวลา 10.07 น.ดัชนีกลุ่มแบงก์ร่วง 5.87% มาอยู่ที่ 286.35 จุด ลดลง 17.88 จุด นำโดยหุ้น BAY ร่วง 7.29% มาอยู่ที่ 22.90 บาท ลดลง 1.80 บาท มูลค่าซื้อขาย 14.95 ล้านบาท หุ้น BBL ร่วง 6.93% มาอยู่ที่ 107.50 บาท ลดลง 8.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 849.07 ล้านบาท หุ้น CIMBT ร่วง 6.35% มาอยู่ที่ 0.59 บาท ลดลง 0.04 บาท มูลค่าซื้อขาย 1.62 ล้านบาท หุ้น KBANK ร่วง 6.27% มาอยู่ที่ 89.75 บาท ลดลง 6.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,242.93 ล้านบาท หุ้น SCB ร่วง 5.83% มาอยู่ที่ 72.75 บาท ลดลง 4.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 588.07 ล้านบาท บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ขอให้ธนาคารพาณิชย์งดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลปี 63 และงดซื้อหุ้นคืน เพื่อรักษาระดับเงินกองทุนให้เข้มแข็ง แม้หุ้นแบงก์จะไม่ใช่ High yield stock และครึ่งปีแรกบริษัทต่างๆคงไม่สามารถปันผลได้สูงเหมือนเดิม แต่เป็น Sentiment ลบต่อกลุ่มแบงก์ โดยเฉพาะ ธนาคารเกียรตินาคิน (KKP), บมจ.ทุนธนชาต (TCAP) ที่ได้ชื่อว่าปันผลสูงและจ่ายปีละ 2 ครั้ง หุ้นแบงก์จะกดดันตลาดจนกว่าจะเห็นความชัดเจนของทิศทางดอกเบี้ยจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 24 มิ.ย.63 โดย ธปท.ออกมาตรการช่วยลูกหนี้ระยะที่ 2 ส่วนใหญ่เป็นการลดเพดานดอกเบี้ย 2-4% ต่อปีชั่วคราว สำหรับบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ มีผลตั้งแต่ 1 ส.ค.63 และขยายเวลาชำระหนี้ การลดดอกเบี้ย Consumer loan กระทบกำไรกลุ่มแบงก์ 2-4% ต่อปี หุ้นแบงก์ใหญ่กระทบน้อยกว่าแต่ได้รับข่าวลบงดปันผล แนะนำเลี่ยงแบงก์ใหญ่ ยกเว้น บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) กระทบน้อยกว่ากลุ่ม