บึงสีไฟแหล่งน้ำใหญ่แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติแห่งเดียวที่อยู่กลางเมืองพิจิตร หลังจากที่ปิดในช่วงสถานการณ์โควิด19 มาเป็นเวลานาน หลังจากสถานการณ์ผ่อนคลายก็เริ่มมีนักท่องเที่ยวไปใช้บริการพักผ่อนหย่อนใจและได้ปรากฎภาพสื่อโซเชียลแชร์กระหน่ำภาพจระเข้ผอมโซคอยาว ซึ่งเป็นทายาทพญาชาละวันซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดพิจิตรที่อยู่ในบ่อจระเข้ภายในบึงสีไฟ ล่าสุดวันนี้ประมงจังหวัดพิจิตร และศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดเขต 3 ( พิจิตร ) พาดูลงพื้นที่ชี้แจง วันที่ 20 มิ.ย. 2563 นายสุธี สินสุนทร ประมงจังหวัดพิจิตร พร้อมด้วย นายวัฒนา ริ้วทอง ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดเขต3( พิจิตร ) ได้พาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปดูที่บริเวณบ่อเลี้ยงจระเข้ ซึ่งตั้งอยู่ภายในบึงสีไฟและอยู่ในความดูแลของศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดเขต3( พิจิตร ) โดยได้เล่าถึงเหตุผลที่ต้องพาผู้สื่อข่าวมาพิสูจน์ความจริงจากกรณีที่มีภาพจากนักท่องเที่ยวนำภาพจระเข้ผอมโซ คอยาว ไปโพสในสื่อโซเชียล จึงทำให้ผู้มีใจรักสัตว์โดยเฉพาะชาวจังหวัดพิจิตรที่ให้ความสำคัญกับจระเข้ว่าเป็นสัตว์สื่อสัญลักษณ์ของจังหวัดพิจิตรตามตำนานชาละวัน-ไกรทอง ดังนั้นเมื่อภาพจระเข้ผอมโซ คอยาว ปรากฎในสื่อโซเชียลดังกล่าวต่างคนต่างแสดงความคิดเห็นกันต่างๆนานาไปในทางร้ายหรือมองในแง่การทุจริตงบเลี้ยงอาหารจระเข้รวมถึงเรื่องการดูแลน้ำในบ่อจระเข้ที่มีสีเขียวและภูมิทัศน์โดยรอบของบ่อเลี้ยงจระเข้ที่สร้างขึ้นเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว ล่าสุดวันนี้ นายวัฒนา ริ้วทอง ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดเขต3( พิจิตร )ได้เปิดเผยว่าบ่อจระเข้แห่งนี้อยู่ในความดูแลของศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดเขต3( พิจิตร ) มีจระเข้อยู่ในบ่อรวม 84 ตัว มีเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างทั่วถึงส่วนการให้อาหารจระเข้มีงบประมาณตลอดทั้งปี 5,000 บาท เท่านั้น อาหารของจระเข้ที่ใช้เลี้ยงก็จะเป็นโครงไก่สด ซึ่งจระเข้กินอาหารครั้งหนึ่งก็จะอยู่ได้ 7 วัน อย่างสบายๆ ไม่จำเป็นต้องให้อาหารทุกวัน ส่วนน้ำในบ่อที่เป็นสีเขียวนั้นหากเปลี่ยนถ่ายน้ำบ่อยๆก็ไม่ใช่ผลดี เพราะหากเปลี่ยนน้ำในแต่ละครั้งจระเข้จะเกิดความเครียดถึงแม้น้ำจะเป็นสีเขียวอย่างที่เห็น จระเข้เค้าก็อยู่ได้ตามธรรมชาติของสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ส่วนภูมิทัศน์เนื่องจากที่ผ่านมาบึงสีไฟหรือสวนสมเด็จย่าปิดการให้บริการนักท่องเที่ยวมาเป็นเวลาหลายเดือนสภาพภูมิทัศน์โดยรอบที่อยู่ในความดูแลของเทศบาลเมืองพิจิตรศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดเขต3( พิจิตร ) ก็อาจจะดูทรุดโทรมไปบ้าง ซึ่งขณะนี้ทั้ง 2 หน่วยงานก็กำลังจะเร่งปรับภูมิทัศน์เพื่อเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวในวันที่ 1 ก.ค. 2563 อย่างเป็นทางการอีกครั้ง ตอบคำถามจากกรณที่สื่อโซเชียลแชร์กระหน่ำภาพทายาทพญาชาละวันภายในบ่อเลี้ยงจระเข้แห่งนี้ผอมโซ คอยาว นั้น นายวัฒนา ริ้วทอง ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดเขต3( พิจิตร ) ตอบว่า...เจ้าคอยาวตัวนี้มีอยู่จริง ซึ่งดูจากสายตาและประสบการณ์คาดการณ์ว่าน่าจะเป็นจระเข้ที่มีอาการป่วยเนื่องจากกินขวดน้ำพลาสติกหรือกินสิ่งแปลกปลอมที่เป็นขยะจากนักท่องเที่ยวที่โยนลงไปในบ่อ แต่วันนี้มองหาตัวไม่เจอ ซึ่งอาจจะนอนกบดานตามสัญชาตญาณของจระเข้ในบ่อเลี้ยงจระเข้แห่งนี้มีจระเข้ 84 ตัว บางตัวอายุมากสุดถึง 20 ปี มีทั้งตัวใหญ่น้ำหนักเกือบ 300 กก. และมีตัวเล็กรวมถึงมีเจ้าคอยาว ผอมโซ อยู่รวมกัน ดังนั้นจึงขอยืนยันว่าศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดเขต3( พิจิตร )ให้ความสำคัญกับจระเข้ที่เป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดพิจิตรและดูแลเป็นอย่างดี ดังนั้นถ้าท่านใดอยากจะมีส่วนร่วมในการให้อาหารจระเข้ กรุณาติดต่อและแจ้งล่างหน้าได้ที่ โทร 086-4490270 ในวันและเวลาราชการ ( ห้ามให้อาหารจระเข้โดยไม่ได้รับอนุญาต )