วันที่ 19 มิ.ย.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีตามที่สื่อได้นำเสนอข่าว “พ่อร้องลูกสาวถูกตำรวจข่มขืน แลกไม่ดำเนินคดีเสพกัญชา” เหตุเกิดในเขตพื้นที่ สภ.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่ ว่าเมื่อวันที่ 13 เม.ย.63 ผู้เสียหาย เป็นหญิง อายุ 19 ปี มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ ยศ ส.ต.ท. รายหนึ่ง ที่จับกุมผู้เสียหาย ในข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายและพยายามจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) โดยผิดกฎหมาย” ภายในหอพักแห่งหนึ่ง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 10 เม.ย.63 โดยในขณะที่ผู้สียหายถูกควบคุมตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจรายดังกล่าว ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับชุดจับกุมในขณะนั้น ได้ยื่นข้อเสนอกับผู้เสียหายว่า จะช่วยเหลือไม่ให้ผู้เสียหายถูกดำเนินคดียาเสพติด โดยจะขอมีเพศสัมพันธ์กับผู้เสียหายเป็นข้อแลกเปลี่ยน ผู้เสียหายได้ยินยอมมีเพศสัมพันธ์ด้วย เมื่อมีเพสสัมพันธ์เสร็จ ก็ไม่ปฏิบัติตามที่ตกลงกันไว้ และได้ควบคุมตัวผู้เสียหายส่งพนักงานสอบสวน สภ.ช้างเผือก ดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้เสียหาย พยาน พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ส่งสำนวนไปยัง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อมีความเห็นชี้มูลความผิด ฐาน “ข่มขืนกระทำชำเรา, เป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองโดยมิชอบ เพื่อกระทำการไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่, เป็นพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด” ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค.63 ประกอบกับได้รับรายงานจาก พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ว่า ได้มีคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจ ยศ ส.ต.ท. รายที่ถูกกล่าวหานั้น มาประจำที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อไม่ให้พบปะผู้คนและให้การสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเป็นด้วยความเรียบร้อยยุติธรรม ไม่ให้เกิดประเด็นสงสัยต่าง ๆ พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวอีกว่า โดยหาก ป.ป.ช. ได้มีความเห็นชี้มูลว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระทำลงไประหว่างปฏิบัติหน้าที่ตามที่ถูกกล่าวหาจริง ก็จะมีการดำเนินการทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาดตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง ที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้เน้นย้ำและกำชับหน่วยปฏิบัติทุกภาคส่วนมาโดยตลอดในการประพฤติปฏิบัติหน้าที่ ภายใต้อำนาจหน้าที่ที่ได้รับตามกฎหมาย โดย ห้ามตำรวจ ใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบ เรียกรับผลประโยชน์ ขูดรีดประชาชน เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดีเป็นอันขาด ซึ่งหากพบกระทำความผิดให้ดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาด ประกอบกับ ให้พิจารณาโทษทางวินัยกับผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นฐานปล่อยปละละเลย ไม่ดูแลความประพฤติ วินัย ผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อป้องปรามไม่ให้ตำรวจกระทำความผิดเสียเองและเพื่อสร้างความเชื่อมั่น ความมั่นใจ ในการทำงานของตำรวจให้กับประชาชน