ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม บุกจับ ผู้ดูแลเพจ "บุญเติม สายเขียว" โพสต์ข่าวปลอมน้ำมันกัญชารักษาโควิด-19 เชื่อมีขบวนการรับจ้างโพสต์ข่าวปลอม เร่งรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิด เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.ข่าวกรองยาเสพติด บช.ปส. หัวหน้าประสานความร่วมมือกับศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และเจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม แถลงผลปฏิบัติการปราบปรามผู้โพสต์ข่าวอันไม่เป็นความจริง บิดเบือนข่าวสารในสถานการณ์ฉุกเฉิน ตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ.2548 ตั้งแต่วันที่ 8-19 มิถุนายน 2563 จำนวน 9 ราย เช่น การโพสต์เนื้อหา ว่า น้ำมันกัญชาสามารถป้องกันไวรัสโควิด-19 หากโดนยึดใบขับขี่จะไม่ได้คืนต้องไปสอบใหม่ และรัฐหลอกให้ลงทะเบียนรับเงินเยียวยา เพื่อเรียกเก็บภาษี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม นำหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรีเข้าจับกุมนายเสกสรรค์ อรรถสาร เจ้าของเพจ “บุญเติม สายเขียว” ซึ่งเป็นเพจที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวเรื่องกัญชา และมีผู้ติดตามมากกว่า 2 แสนคน ได้ที่บ้านพัก ย่านจ.ปทุมธานี พร้อมยึดต้นกัญชาและกัญชาอัดแท่ง ที่ซุกซ่อนอยู่ในห้องนอนจำนวนหนึ่ง จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าจงใจโพสต์ข้อความว่า น้ำมันกัญชาสามารถป้องกันไวรัสโควิด-19 ลงบนเพจเฟซบุ๊ก ทั้งที่รู้ว่าไม่ใช่ความจริง เพราะต้องการเพิ่มยอดวิวผู้ที่เข้าไปติดตาม และให้ผู้ที่เห็นข้อความ สนใจสั่งซื้อน้ำมันกัญชา เพื่อทำยอดขาย ขณะเดียวกัน ตำรวจยังจับกุม นายศิรเมศร์ (สงวนนามสกุล) ได้ในบ้านพักของนายเสกสรรค์ เนื่องจากต้นกัญชาที่พบเป็นของนายศิรเมศร์ ตำรวจจึงแจ้งข้อหา มียาเสพติดประเภท 5 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจับกุมผู้ที่โพสต์ข่าวปลอม หรือ เฟกนิวส์ อีก 8 คน เช่น การโพสต์ข่าวปลอมว่า หากโดนยึดใบขับขี่จะไม่ได้คืนแล้ว ต้องไปสอบใบใหม่ และรัฐหลอกให้ลงทะเบียนรับเงินเยียวยา เพื่อจะเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างการสอบสวนดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 8 คน ซึ่งส่วนใหญ่อ้างว่า ได้รับข่าวจากในโซเชียลมีเดียแล้วนำไปแชร์ต่อ โดยไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ขณะที่ภาพรวมการปราบปรามข่าวปลอม พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวว่า มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีข่าวปลอมที่อยู่ในข่ายเฝ้าระวัง มากกว่า 100 ข่าว และมีเพจแชร์ข่าวปลอมไม่ต่ำกว่า 50 เพจ ซึ่งมีทั้งเพจเก่าและใหม่ ส่วนข่าวปลอมที่มักถูกนำมาโพสต์สร้างความสับสนให้กับประชาชน คือ ข่าวการเมือง, ข่าวเศรษฐกิจ สังคม, ข่าวสุขภาพ และเรื่องทั่วไป ซึ่งจากการสืบสวน ยังมีข้อมูลของขบวนการที่รับจ้างโพสต์ข่าวปลอม ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดี ส่วนประชาชนที่แชร์ข่าวปลอมแม้ว่าจะพิจารณาไม่ดำเนินคดี แต่ก็ขอให้ประชาชนตรวจสอบข่าวสารให้ถูกต้อง ก่อนการส่งต่อข้อความใดๆ ก็ตาม เพื่อลดความเสียหายให้กับสังคม พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวว่า ปัจจุบันมีการประกาศใช้พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ทำให้มีกลุ่มผู้ไม่หวังดี กระทำการโพสต์เสนอข่าวอันไม่เป็นความจริง ทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือบิดเบือนข่าวสาร ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉิน จึงขอเตือนประชาชนที่จะโพสต์ข้อมูลข่าวสารอาจเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และพ.ร.ก.การบริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับหรือจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ