ดนตรี / ทิวา สาระจูฑะ ต้นเดือนมีนาคม 2020 มีการประกาศจากบริษัทตัวแทนทัวร์ของ บ็อบ ดีแลน ว่า เขาจำเป็นต้องยกเลิกทัวร์คอนเสิร์ตทั้งหมด 14 รอบในญี่ปุ่น ซึ่งกำหนดไว้ในเดือนเมษายน เพราะการระบาดของไวรัส โควิด-19 แต่วันที่ 27 มีนาคม เขาปล่อยซิงเกิ้ลใหม่ "Murder Most Foul" ขึ้นสื่อออนไลน์โดยไม่ได้ประกาศ ตามมาด้วยซิงเกิ้ล "I Contain Multitudes" และ "False Prophet" ในเดือนเมษายนและพฤษภาคมตามลำดับ รวมถึงการประกาศว่าเขาจะออกวางอัลบั้มใหม่ในเดือนมิถุนายน วันที่ 19 มิถุนายน 2020 โคลัมเบีย เรคอร์ดส์ ก็ออกวางขายอัลบั้ม Rough and Rowdy Ways ผลงานจากสตูดิโอชุดล่าสุดของ ดีแลน แต่ก่อนหน้านี้ก็มีการปล่อยเพลงให้สตรีมมิ่งและดาวน์โหลดกันแล้ว คนที่ไม่ได้เป็นแฟนพันธุ์แท้ หรือติดตามข่าวสารวงการดนตรีอย่างจริงจัง อาจจะคิดว่าชื่อของ บ็อบ ดีแลน เงียบหายไป เช่นเดียวกับศิลปินรุ่นเก่าๆอีกมากมายที่ถูกกลบด้วยกระแสทางเสียงและภาพของดนตรียุคใหม่ แต่จริงๆเขายังทำงานต่อเนื่องมาตลอด ทั้งการทัวร์คอนเสิร์ทและออกอัลบั้ม รวมถึงงานศิลปะและหนังสือ และก็ยังขายได้ดี ในการแสดงคอนเสิร์ท นับจากปี 1988 ถึงเมษายน 2019 เขาเล่นคอนเสิร์ทมากกว่า 3,000 ครั้ง มากกว่าศิลปินส่วนใหญ่ที่เริ่มต้นในทศวรรษ 1960 และถ้านับความถี่ในการออกอัลบั้มเทียบกับบรรดาศิลปินด้วยกัน (ไม่นับอัลบั้มแสดงสด) ดีแลน ก็คงเป็นรองเพียง วิลลี เนลสัน คนเดียวเท่านั้น เขาแทบไม่เคยทิ้งช่วงห่างการออกอัลบั้มเกิน 3 ปี นับตั้งแต่อัลบั้มแรก Bob Dylan ในปี 1962 การเว้นระยะนานเกิน 3 ปีมีแค่ 3 ครั้ง คือ ช่วงจากอัลบั้ม World Gone Wrong (1993), Time Out of Mind (1997), Love and Theft (2001) ถึง Modern Times (2006) ระหว่างการออกอัลบั้มปกติจากสตูดิโอ ดีแลน ยังมีบันทึกการแสดงสดจากที่ต่างๆที่เรียกว่า Bootleg Series ออกมาอย่างสม่ำเสมอ แต่สำหรับอัลบั้มใหม่ล่าสุด Rough and Rowdy Ways เป็นอัลบั้มแรกนับจาก Tempest ในปี 2012 ที่เป็นผลงานเพลงที่เขาแต่งใหม่ทั้งหมด เพราะ 3 อัลบั้มก่อนหน้านี้ - Shadows in the Night (2015), Fallen Angels (2016) และ Triplicate (2017) ดีแลน ไปสนุกกับการนำเพลงสแตนดาร์ดเก่าแก่มาเรียบเรียงบันทึกเสียงใหม่ สไตล์เดียวกับที่ ร็อด สจ๊วร์ท ทำใน The Great American Songbook ระหว่างปี 2005-2010 ทั้งหมด 5 อัลบั้ม Rough and Rowdy Ways ถ้าเป็นแผ่นเสียงไวนิลก็ถือว่าเป็นอัลบั้มคู่ เพราะแม้จะมีเพียง 10 เพลง แต่ความยาวก็มากถึง 70 นาทีเศษ โดยเฉพาะเพลง "Murder Most Foul" ที่ออกมาเป็นซิงเกิ้ลแรกก็มีความยาวเกือบ 17 นาที น่าจะเป็นเพลงยาวที่สุดของเขา ก่อนหน้านี้มีเพลง “Tempest” จากอัลบั้มชื่อเดียวกันที่ยาว 14 นาทีกว่า "Murder Most Foul" ถูกอัพโหลดทางช่อง ยูทู้บ ของ ดีแลน เอง เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับช่วงเวลาในการลอบสังหารอดีตประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี ซึ่งเขาบอกว่า บันทึกเสียงมาสักระยะแล้วก่อนจะปล่อยออกมาในช่วงการระบาดของไวรัส ส่วนซิงเกิ้ลที่ 2 - "I Contain Multitudes" ชื่อเพลงนำมาจากวรรคหนึ่งในบทกวีของ วอลท์ วิทแมน และเป็นเรื่องที่น่าแปลกอย่างยิ่งคือ ในความยาวเกือบ 17 นาที เพลง "Murder Most Foul" กลับขึ้นไปติดอันดับ 1 บนตารางอันดับ Billboard Rock Digital Song Sales และเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ยึดอาชีพศิลปินบันทึกเสียงมาเกือบ 60 ปีที่ ดีแลน มีเพลงติดอันดับ 1 บนตารางอันดับเพลงภายใต้นามของตนเอง ในวัย 79 ปีที่ถึงพร้อมด้วยเกียรติยศและฐานะที่มั่งคั่ง บ็อบ ดีแลน ยังมีไฟอยู่ และดูเหมือนจะไม่มอดไปง่ายๆเช่นศิลปินหลายคนที่อิ่มตัวแล้วกับความสำเร็จ