วันที่ 17 มิ.ย.ที่ สตม.สวนพูลู พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.พรชัย ขันตี รอง ผบช.สตม.,  พล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ปฏิพัทธ์ สุบรรณ ณ อยุธยา รอง ผบช.ตชด.  ปฏิบัติราชการ สตม., พล.ต.ต.พิสิฐ ตันประเสริฐ รอง ผบช.สงป. ปฏิบัติราชการ สตม., พล.ต.ต.ชำนาญ ชำนาญเวช ผบก.ตม.5 , พ.ต.อ.เอกกร บุษบาบดินทร์ รอง ผบก.ตม.5 , พ.ต.อ.เศรษฐภัทร ณ สงขลา ผกก.สส.บก.ตม.5  แถลงข่าว   พล.ต.ต.ปฏิพัทธ์ กล่าวว่าตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย  ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด พล.ต.ต.ปฏิพัทธ์ กล่าวอีกว่าก่อนทำการจับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้ บก.ตม.5 ได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัด ปฏิบัติการเชิงรุกติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับค้างเก่า ตามคำสั่ง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ที่ 131/2563 เรื่อง จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการสั่งการและควบคุม (CCOC)  กก.สส.บก.ตม.5 ได้รับแจ้งจากสายลับว่านายฮ่านส์ เออลิ่ง (MR.HANS ERLING) สัญชาติสวีเดน ผู้ต้องหาตามหมายจับจากศาลจังหวัดเชียงใหม่ หมายจับที่ จ.737/2561 ลงวันที่ 8 พ.ย.61 ซึ่งหลบหนีออกนอกพื้นที่และไปพักอาศัยอยู่ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ได้ลักลอบกลับมาพักอยู่ที่บ้านพักใน อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่  จึงไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบ นายฮ่านส์ อยู่ในบริเวณบ้านและได้วิ่งหนี จึงได้วิ่งติดตามและควบคุมตัวไว้ได้ เมื่อขอตรวจสอบเอกสารนายฮ่านส์ ได้แสดงหนังสือเดินทางสวีเดน ชื่อนายอัลเฟรด คาร์ลสัน (MR.ALFRED KARLSSON) และปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นบุคคลตามหมายจับ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมเห็นว่าตำหนิรูปพรรณตรงกัน จึงได้ตรวจสอบหนังสือเดินทางตามหมายจับ และหนังสือเดินทางที่นายฮ่านส์ แสดงพบว่า หมายเลขประจำตัวประชาชน(สวีเดน) , วันเดือนปีเกิด , สถานที่เกิด  และส่วนสูง ตรงกัน  เมื่อจำนนต่อหลักฐานนายฮ่านส์ ยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง หลังเกิดเหตุได้เปลี่ยนชื่อ นามสกุล และหนังสือเดินทาง เพื่อง่ายต่อการหลบหนี เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงควบคุมตัวส่ง พงส.สภ. แม่ริม ดำเนินคดี  และ พงส. ได้แจ้งข้อหาตามหมายจับและแจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ.การเดินอากาศ พ.ศ.2497 เพิ่มเติมคือ “เป็นผู้ประจำหน้าที่โดยไม่ได้รับอนุญาต , นำอากาศยานทำการบินโดยไม่นำเอกสารตามมาตรา 16 , ใช้อากาศยานส่วนบุคคลทำการบินโดยไม่ได้รับอนุญาตใช้อากาศยานส่วนบุคคลจากผู้อำนวยการตามมาตรา 29 ทวิ , ใช้ที่ใดที่หนึ่งเป็นที่ขึ้นลงของอากาศยาน นอกจากสนามบินอนุญาตหรือที่ขึ้นลงชั่วคราวตามาตรา 17 , ประกอบกิจการค้าขายในการเดินอากาศโดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 58 ข้อ 3 และจัดตั้งที่ขึ้นลงชั่วคราวโดยไม่ได้รับอนุญาต” ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองล้านบาท สำหรับพฤติการณ์ที่ถูกออกหมายจับ ก่อนเกิดเหตุนายฮ่านส์ ได้ลงโฆษณาในเว็บไซต์เพื่อประกอบธุรกิจพานักท่องเที่ยวนั่งเครื่องร่อน (พารามอเตอร์) ชมทัศนียภาพเมืองเชียงใหม่ และเมื่อวันที่ 8 ต.ค. 61 เวลา ประมาณ 07.25 น. นายฮ่านส์ ได้นำนายชอย แฮจอง สัญชาติเกาหลีใต้  ขึ้นเครื่องร่อนเพื่อท่องเที่ยว  โดยนายฮ่านส์ เป็นคนขับขี่ แต่เครื่องได้ตกลงมาเป็นเหตุให้นายฮ่านส์ ขาหัก  และนายชอย อวัยวะเพศขาด หลังเกิดเหตุนายฮ่านส์ ได้หลบหนีไป