วันที่ 17 มิถุนายน 2563 ตัวแทนชาวบ้านหมู่ 5 บ้านบ่อไร่ ต.หนองศาลา อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ได้ทำหนังสือถึงนายวีระ สมความคิด ประธานกลุ่มพิทักษ์สิทธิเสรีภาพของประชาชน เพื่อขอให้ตรวจสอบการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ กรณีที่ปล่อยให้มีการถมคลองตากบ ในเขต อ.ชะอำ ซึ่งเป็นคลองสาธารณะให้แคบลง นอกจากนี้ยังปล่อยให้มีการใช้รถแบ็คโฮทำลายป่าชายเลนจำนวนมาก โดยชาวบ้านได้พยายามร้องเรียนไปยังหน่วยงานราชการหลายแห่งที่รับผิดชอบแต่กลับถูกบ่ายเบี่ยง จนในที่สุดทำให้ป่าลายเลนและพื้นที่สาธารณะเสียหาย ทั้งนี้ชาวบ้านเชื่อว่ามีการเอื้อประโยชน์ให้กับที่ดินผืนใหญ่ของบริษัทเอกชน นายวีระ สมความคิด กล่าวว่าตนจะลงพื้นที่คลองตากบพร้อมด้วยชาวบ้านบ่อไร่ในเร็วๆนี้ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและฟังเสียงชาวบ้านทั้งหมดว่าเป็นไปอย่างที่ได้มีการร้องเรียนจริงหรือไม่ โดยอาจมีการจะไลฟ์ในช่องทางสื่อออนไลน์เพราะเชื่อว่าจะเป็นวิธีการที่ได้ผลดีกว่าโดยจะหยิบยกให้กลายเป็นประเด็นสู่สังคมให้ได้เพราะตอนนี้ยังไม่เป็นที่รับรู้ของคนทั้งประเทศจึงทำให้ธุรกิจเอกชนรายนี้ไม่รู้สึกกลัวเกรง ที่สำคัญคือจะได้ตรวจสอบดูด้วยว่าเจ้าหน้าที่รัฐได้ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ตามที่ชาวบ้านพูดหรือไม่ “กรณีกลุ่มทุนยักษ์เข้าไปกว้านซื้อที่ดินและรวบรวมเป็นแปลงใหญ่แต่บุกรุกที่หลวง ไม่ใช่เป็นปัญหาเฉพาะที่ชะอำ แต่ลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นทั่วประเทศ เพียงแต่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง เช่น ที่ อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี มีการบุกรุกที่ป่าสงวนนับหมื่นไร่ ลุงคนหนึ่งที่ร้องเรียนถูกอุ้มหายตัวไป ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐไม่ยอมเข้ามาแก้ปัญหา เพราะเขามีทั้งอำนาจเงิน มีทั้งอำนาจรัฐ เช่นเดียวกับที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ก็มีนายทุนยักษ์ใหญ่ฮุบที่ดินป่าสงวนเช่นกัน”นายวีระ กล่าว นายวีระกล่าวว่า จริงๆแล้ว การแก้ไขปัญหานายทุนใหญ่ฮุบที่ดินหลวงนั้น มีกฎหมายควบคุมดูแลหมดแล้ว แต่อยู่ที่การปฎิบัติของเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะผู้ที่มีอำนาจในจังหวัดในพื้นที่ไม่เข้มแข็งและปล่อยปละละเลย ตนยังคิดในแง่ดีว่าจริงๆแล้วตัวเจ้าของหรือนายทุนใหญ่เขาไม่รู้เรื่องในรายละเอียด เพียงแต่สั่งลูกน้องให้ไปรวบรวมที่ดินมาให้ แต่ลูกน้องได้ไปใช้วิธีการสารพัดโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง เช่น อุ้มฆ่าและข่มขู่คนที่ไม่ยอมขาย เขาใช้นักการเมืองท้องถิ่นซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลเป็นมือเป็นไม้