เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2563 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวถึงกรณีนี้ว่าหลังจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ออกมาระบุว่า ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีรับสั่ง ไม่ให้ใช้กฎหมายอาญามาตรา 112 กับประชาชน รวมทั้งเตือนกลุ่มที่เคลื่อนไหวจาบจ้วงสถาบันให้ยุติการเคลื่อนไหว  ซึ่งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี  สั่งให้มีการตรวจสอบรายชื่อของผู้ที่มีความเคลื่อนไหวลักษณะพาดพิงสถาบันว่า เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ไม่ใช่มาตรา 112 สำนักงานตำรวจแห่งชาติในฐานะหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย มีคณะทำงานด้านกฎหมาย การสืบสวน และความมั่นคง ดำเนินการเรื่องนี้อยู่ โดยมี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) เป็นผู้กำกับดูแล โดยมีข้อมูลมีการติดตามบุคคล และกลุ่มคนที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายเรื่องนี้อยู่ เรามีรายชื่อมีข้อมูลอยู่แล้ว อยู่ในกระบวนการติดตามดำเนินคดี ที่สำคัญคือขอเตือนประชาชน อย่าหลงเชื่อข้อมูลเช่นนี้ หากได้ข้อมูลเหล่านี้ให้ใช้วิจารณญานดีๆ เพราะเป็นข้อมูลที่เป็นเท็จ ไม่เป็นความจริง อย่าตกเป็นเหยื่อของคนกลุ่มดังกล่าว พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวอีกว่า ในการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ทำความผิด ได้นำพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 ในมาตราที่เกี่ยวข้องเช่น มาตรา 14 การนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคง หรือก่อให้เกิด ความตื่นตระหนกแก่ประชาชนมาใช้ ต้องดูพฤติการณ์การกระทำความผิดว่าเข้าข่ายผิดมาตราไหนอย่างไร ก็ต้องพิจารณาไปตามกฎหมาย การกระทำใดๆที่เป็นความผิดฐานละเมิดสถาบัน หากเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นในระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งรวมถึงช่องทางไลน์ ทางโซเชียลมีเดียต่างๆที่นิยามได้ว่าเป็นระบบคอมพิวเตอร์ ก็ต้องพิจารณาดำเนินคดีภายใต้ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญเรื่องนี้และดำเนินการอย่างรอบคอบ มีคณะทำงานดำเนินการ ทำงานอย่างเป็นเอกภาพ ทั้งด้านการสืบสวนสอบสวน และ กฎหมาย ดังกล่าว