"เฉลิมชัย" สั่งการให้ทุกหน่วยงานในสังกัด ทำแผนปฏิบัติการรับมือภัยแล้งทั่วประเทศ รายงานสถานการณ์ต่อศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตรทุกวัน พร้อมจัดทำมาตรการบรรเทาผลกระทบจากการขาดแคลนน้ำ การประกอบอาชีพ และเสริมรายได้ ตามนโยบายศูนย์บัญชาการน้ำเฉพาะกิจและแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาวิกฤตน้ำแห่งชาติ เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ จัดทำแผนปฏิบัติการช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบจากภัยแล้ง ซึ่งในปี 2563 มีปริมาณฝนตกต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ส่งผลให้มีน้ำต้นทุนในเขื่อนต่างๆ และแหล่งน้ำธรรมชาติน้อย ทั้งนี้จากที่มอบนโยบายให้เร่งรัดการพัฒนาฟื้นฟูแหล่งน้ำ เพื่อให้มีแหล่งเก็บกักน้ำเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะแก้มลิงสำหรับใช้อุปโภค บริโภคในชุมชน การปลูกพืชใช้น้ำน้อยทดแทนการทำนาปรัง การทำปศุสัตว์ การทำประมง รวมถึงการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำในแหล่งน้ำต่างๆ เพื่อให้เกษตรกรใช้บริโภคและจับขายได้ ตลอดจนวางแผนว่าจ้างแรงงานเพื่อให้เกษตรกรซึ่งประสบภัยแล้งทำการเกษตรไม่ได้ให้มีรายได้ ซึ่งจังหวัดที่มีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) ตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม 2562 จำนวน 14 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ พะเยา ตาก บึงกาฬ มหาสารคาม บุรีรัมย์ ชัยภูมิ ศรีสะเกษ อุทัยธานี ชัยนาท กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ฉะเชิงเทรา และจันทบุรี รวมทั้งสิ้น 93 อำเภอ 504 ตำบล 4,648 หมู่บ้าน/ชุมชน 3 เทศบาล ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดจากกรมชลประทาน ณ วันที่ 15 มิ.ย. 63 รายงานว่า สภาพในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศจำนวน 447 แห่ง มีปริมาณน้ำในอ่างรวม 32,388 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 43% ของความจุอ่าง ปริมาณน้ำใช้การได้ 8.737 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 17% ของความจุน้ำใช้งาน แผนการจัดสรรน้ำฤดูฝนปี 2563 ทั้งประเทศ 11,975 ล้าน ลบ.ม. จัดสรรน้ำไปแล้ว 3,678 ล้าน. ลบ.ม. แผนการเพาะปลูกข้าวนาปี 16.79 ล้านไร่ เพาะปลูกแล้ว 3.31 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 19.73 ของแผน