นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยภายหลังเข้ารับตำแหน่งวาระ 2 เป็นวันแรก ว่า ธนาคารเตรียมปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ในอัตราปัจจุบันที่ 6.150% ต่อปี หลังจากที่ กระทรวงการคลังเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในเดือน ก.ค.63 เห็นชอบแนวทางให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ปรับลดการนำส่งเงินฝากเข้ากองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจรัฐ(เอสเอฟไอเอฟ) ลงครึ่งหนึ่งจาก 0.25% ของยอดเงินฝาก เหลือ 0.125% โดยหากมีการลดเงินนำส่ง ธนาคารสามารถลดดอกเบี้ยช่วยเหลือลูกค้าได้ แม้จะไม่ลดดอกเบี้ยได้มากเท่ากับธนาคารพาณิชย์ ที่ลดเงินนำส่งลงจาก 0.46% เหลือ 0.23% แต่ช่วยให้ธนาคารลดภาระดอกเบี้ยให้กับลูกค้าเดิม และป้องกันการปรับโครงสร้างหนี้ของลูกค้าไปยังธนาคารอื่นได้ ส่วนการปล่อยสินเชื่อในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2563 (ม.ค.-พ.ค.) ปล่อยสินเชื่อใหม่ได้รวม 82,516 ล้านบาท สูงกว่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมียอดสินเชื่อคงค้างที่ 1.246 ล้านล้านบาท แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) จะส่งผลกระทบต่อการขอสินเชื่อ มั่นใจว่าจะยังปล่อยสินเชื่อใหม่ทั้งปีได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 2.1 แสนล้านบาท สำหรับภารกิจ 60 วันหลังจากรับตำแหน่งที่ต้องทำเร่งด่วนคือ การดูแลลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งมีการขอเข้าร่วม 8 มาตรการของธนาคาร ในนี้มีจำนวนกว่า 1 แสนรายที่เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้บริการจากสาขา มาผ่านบริการทางแอพลิเคชัน จีเอชบีออล ซึ่งจะเร่งในส่วนงานด้านเงินฝากลงแอพลิเคชันทั้งหมด อีกทั้งยังเปิดให้ลูกค้าสวัสดิการที่เป็นฐานลูกค้าหลักปัจจุบันมีกว่า 40% ของลูกค้าทั้งหมด 1.246 ล้านล้านบาท สามารถยื่นกู้ผ่านแอพลิเคชันได้ รู้ผลภายใน 48 ชั่วโมง จากนั้นจึงมีการเรียกส่งเอกสารเพิ่ม เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกลูกค้า ทั้งนี้ธนาคารจะต้องติดตามคุณภาพสินเชื่ออย่างใกล้ชิด ซึ่งยอมรับว่าจากสถานการณ์โควิด ส่งผลกระทบต่อรายได้ลูกค้าไปบ้าง ซึ่งรายที่ได้รับผลกระทบก็เข้า 8 มาตรการเยียวยาของธนาคารหมดแล้วกว่า 4.1 แสนราย ยังเหลือบางรายที่ยังตกหล่น ถ้าเข้าไปตรวจสอบสาเหตุ ถ้ายังมีความสามารถชำระเงินกู้ก็ดึงเข้ามาตรการเยียวยาได้ รายไหนเข้าไม่ได้ก็จะเข้าไปดู ซึ่งขณะนี้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของธนาคารอยู่ที่ 4.7% หรือประมาณ 58,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2562 ที่ 3.9% หรือประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกหนี้ช่วง ม.ค.-มี.ค.63 ก่อนมีมาตรการเยียวยา