คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์นอกจากการใช้ชีวิตประจำวันที่ต้องระมัดระวัง การกินยายิ่งต้องมีความรู้ความเข้าใจเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายทั้งต่อตัวเองและลูกในท้อง เพจ Fda Thai ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โพสต์ระบุ “ในช่วงที่คุณแม่กำลังตั้งครรภ์อยู่ อาจจะเกิดอาการป่วยได้อยู่หลายครั้งและจำเป็นต้องใช้ยา แต่กังวลว่าใช้แล้วจะเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ เนื่องจากเคยได้ยินมาว่ายาบางชนิดอาจมีผลร้ายแรงต่อลูกในท้อง สามารถทำให้เกิดการแท้ง หรือพิการแต่กำเนิดได้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมียาจำนวนหนึ่งที่สามารถใช้ได้ มีความปลอดภัยทั้งกับคุณแม่และลูกในท้อง ยาที่สามารถใช้ได้ เช่น แก้ปวด ลดไข้ : พาราเซตามอล (Paracetamol), แก้แพ้ : ไดเฟนไฮดรามีน (Diphenhydramine) หรือลอราทาดีน (Loratadine), แก้อาการคัดจมูก : ใช้การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ, แก้ท้องผูก : ซีลเลียม (Psyllium), แก้ท้องเสีย : ผงเกลือแร่ ใช้เพื่อทดแทนการสูญเสียเกลือแร่ ยาที่ห้ามใช้ เช่น ยาแก้ปวด เช่น แอสไพริน (Aspirin) และ ไอบูโปรเฟน (Ibuprofen), ยาแก้ปวดศีรษะไมเกรน เออร์โกตามีน (Ergotamine), ยารักษาสิวกลุ่มกรดวิตามินเอ : ไอโซเทรทริโนอิน (Isotretinoin), ยาที่มีสมุนไพรบางชนิดที่ทำให้มดลูกบีบตัว เสี่ยงต่อการแท้ง เช่น ว่านชักมดลูก กวาวเครือ ว่านนางคำ ดอกคำฝอย แห้วหมู เทคนิคการใช้ยาสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ 1.พยายามหลีกเลี่ยงการใช้ยาทุกชนิด ยกเว้นในกรณีที่จำเป็นจริง ๆ 2.หลีกเลี่ยงการซื้อยาเอง หากไม่แน่ใจว่ายานั้นปลอดภัยให้ปรึกษาแพทย์ หรือ เภสัชกร 3.ควรตรวจสอบข้อมูลของยาว่าปลอดภัยหรือไม่ โดยอ่านเอกสารกำกับยา ห้ามใช้ยานี้ เมื่อมีประโยคระบุว่า “เมื่อตั้งครรภ์ หรือวางแผนจะตั้งครรภ์ เพราะทําให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อทารก” ในหัวข้อ “ข้อควรรู้ก่อนใช้ยา” ของเอกสารกำกับยา, หลีกเลี่ยงการใช้ยา หรือปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาความจำเป็นก่อน เมื่อมีประโยคระบุว่า “หญิงมีครรภ์ ควรระมัดระวังการใช้ยานี้” หรือ “หญิงมีครรภ์ ให้หลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ เพราะอาจมีอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้ แต่แพทย์อาจพิจารณาสั่งใช้ยานี้ หากมีเหตุผลทางการแพทย์” ในหัวข้อ “ข้อควรรู้ก่อนใช้ยา” ของเอกสารกำกับยา”