จากกรณีมีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งชนต้นไม้ข้างทาง มีผู้เสียชีวิต 3 ราย เป็นหญิง 2 และชาย 1 คน อายุ 14 ปี บริเวณถนนเศรษฐศิริ แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กทม. ใกล้กับโรงพิมพ์ตำรวจ และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เวลาประมาณ 04.26 น. กล้องสามารถจับภาพขณะเกิดเหตุได้อย่างชัดเจน โดยพบรถจักรยานยนต์ของผู้ตายขับมาบนถนนเศรษฐศิริด้วยความเร็ว จากแยกเกษะโกมล มุ่งหน้าถนนเทอดดำริ โดยขับอยู่ด้านหน้าก่อนจะมีรถจักรยานยนต์ซึ่งคาดว่าจะเป็นรถเพื่อนผู้ตายขับตามมาด้านหลัง จากนั้นรถคันหลังได้ขับแซงมาด้านขวา ก่อนจะขับมาตีคู่กับรถผู้ตาย เมื่อถึงจุดเกิดเหตุรถจักรยานยนต์ผู้ตายเสียหลักชนเข้าข้างทางก่อนจะล้มแล้วไถลไปฟาดกับต้นไม้ข้างทางทำให้คนขับและคนซ้อนท้ายกระเด็นไปคนละทิศคนละทางนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นถนน จากนั้นเพื่อนที่ขับมาด้วยกันได้วนรถมาดู เหตุเกิดช่วงเวลา 04.55 น.เขตพื้นที่รับผิดชอบของ สน.ดุสิต ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น ความคืบหน้า เมื่อเวลา 13.30 น.วันเดียวกัน ที่สถาบันนิติเวช รพ.รามา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางญาติผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย ได้เดินทางรับศพ ท่ามกลางบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้าของทั้ง 3 ครอบครัวน.ส.สุการดุล ทรัพย์ธีรศาสตร์ ซึ่งเป็นน้าสาว ด.ญ.สุชาวดี กล่าวว่า หลานสาวตนเองเรียนอยู่ชั้นมัธยม 2 โรงเรียนโรงเรียนสันติราษฎร์วิทยาลัย ที่เดียว ด.ช.นันทวัฒน์ ส่วนอีกคนเรียนที่โรงเรียนวัดน้อยนพคุณ โดยก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 03.20 น.ตำรวจ สน.สามเสน โทรให้ไปรับหลานสาวตนเองที่ขับรถ จยย.ซึ่งเป็นของพ่อบริเวณหน้าปากซอยบ้านพักใกล้แยกพิชัย กระทั่งเวลาประมาณ 04.15 น. หลานสาวได้ขอเอารถออกไปส่งเพื่อน ซึ่งตอนนั้นตนไม่ทราบว่าออกไปส่งใครเนื่องจากก่อนหน้าไม่มีใครมาหาที่บ้าน จากนั้นเวลาประมาณตี 4 ครึ่ง มีเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรมาบอกน้องประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่าที่เห็นภาพวงจรปิดตนมองว่ารถที่ขับมาด้านข้างจะทำอะไรให้หลานสาวซึ่งขับรถไม่แข็งตกใจจนเสียหลักหรือไม่ ส่วนคนที่ปรากฏในวงจรปิดนั้นตนไม่รู้จักว่าเป็นใคร ทั้งในภาพที่เห็นยังมีท่าทีลักษณะเหมือนก้มลงไปเก็บของ ส่วนนี้อยากให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบด้วย ทั้งนี้ที่มีข่าวว่าหลานสาวตนท้องนั้น ตนยืนยันได้ว่าไม่เป็นความจริง อาจเป็นเพราะหลานสาวตนนั้นรูปร่างค่อนข้างอ้วนจึงทำให้ผู้พบเห็นเข้าใจผิด ส่วนนี้ตนมีผลการชันสูตรยืนยัน ที่ต้องออกมาพูดเรื่องนี้ก็เพราะข่าวที่ออกไปทำให้เกิดความเสียหายต่อหลานสาว และครอบครัวเป็นอย่างมาก ด้านนายกีลา ศิลาเหลือง อายุ 44 ปี พ่อของ ด.ญ.อัญชิสา ศิลาเหลือง กล่าวว่า โดยปกติลูกสาวตนก็ไม่เคยออกไปไหนเวลากลางคืน และก่อนเกิดเหตุตนไม่ทราบเลยว่าลูกสาวนั่นออกจากบ้านไปตอนไหน ไปหาใคร และช่วงเช้าที่ผ่านมาตนไม่เห็นลูกสาวอยู่บ้านเลยออกตามหาแต่ก็ไม่พบ มาทราบอีกที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยมาหาที่บ้านก่อนบอกว่าลูกสาวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ตนช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่ได้ติดใจการเสียชีวิตในครั้งนี้ ด้าน พ.ต.ต.รามน้อย กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ใด ยังคงต้องตรวจสอบกล้องวงจรปิดในจุดอื่นๆเพื่อความชัดเจนอีกครั้งรวมถึงเรียกพยานที่อยู่ในเหตุการณ์มาสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง ในส่วนที่ญาติติดใจสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุบางประเด็น ส่วนนี้ก็คงต้องทำการสอบสวนเพื่อให้เกิดความชัดเจนมากที่สุด