ซีอีโอ ปตท. ยืนยันไม่งดจ่ายน้ำมันให้ทีจี แต่ปรับเปลี่ยนรูปแบบการจำหน่ายจากเดิมการให้เครดิต 30 วัน เป็นการจ่ายในรูปแบบเงินสด คาดยอดขายน้ำมันอากาศยานของ ปตท.ปีนี้หดตัวร้อยละ 80 ชูวิสัยทัศน์ผ่าน “PTT by PTT” สานต่อ ปตท.ในฐานะบริษัทพลังงานไทย ร่วมขับเคลื่อนประเทศผ่านการเปลี่ยนแปลง ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมสู่ทุกภาคส่วน มุ่งยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ พร้อมพัฒนาสังคมและคุณภาพชีวิตของคนไทยให้เติบโตไปด้วยกัน นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า ปตท.ไม่ได้งดจ่ายน้ำมันแก่ บมจ.การบินไทย ตามกระแสข่าวลือ แต่ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการจำหน่ายจากเดิมการให้เครดิต 30 วัน เป็นการจ่ายในรูปแบบเงินสด ส่วนหนี้น้ำมันเดิมที่การบินไทยที่ติดหนี้ ปตท.ประมาณ 760 ล้านบาท ในเรื่องนี้ ปตท.จะกลายเป็นเจ้าหนี้การค้าที่ผู้บริหารแผนฟื้นฟูก็ต้องมาจัดลำดับความสำคัญของเจ้าหนี้ และเจ้าหนี้น้ำมัน ถือว่ามีความสำคัญในลำดับต้นต้น เพราะมีความสำคัญที่ทำให้ธุรกิจการบินไทยเดินหน้าต่อไปได้ ทั้งนี้ยอมรับว่า ผู้ประกอบธุรกิจสายการบิน หลายสายการบินได้มีการเจรจาในเรื่องเครดิตการค้าน้ำมัน เพราะที่ผ่านมาได้รับผลกระทบหนักจากการระบาดโควิด-19 และการฟื้นตัวของสายการบินต้องใช้ระยะเวลา ส่วนยอดขายน้ำมันเครื่องบินของ ปตท.ในปีนี้คาดว่าจะลดลงร้อยละ 80 เมื่อเปรียบกับปีที่แล้ว โดยในช่วงเดือนเม.ย.63 ทั่วโลกล็อกดาวน์ ทำให้ยอดขายน้ำมันเครื่องบินของกลุ่ม ปตท.หายไปร้อยละ 90 โดยปีที่ผ่านๆมา ปตท.มีการค้าน้ำมันอากาศยาน และน้ำมันทางเรือ 20 ประเทศประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท โดยในปี 2563 ทั่วโลกและประเทศไทยได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สถานการณ์ราคาน้ำมันผันผวน ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของสังคม ธุรกิจ พฤติกรรมของผู้บริโภค สู่บริบทใหม่หรือ new normal ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายอย่างยิ่งของประเทศไทย รวมถึง กลุ่ม ปตท. ด้วย สำหรับภารกิจ ปตท.ยังคงต้องรักษาความเข้มแข็งของธุรกิจหลักและสร้างธุรกิจใหม่แทนที่การเติบโตในรูปแบบเดิม โดยมุ่งหวังที่จะให้กลุ่ม ปตท.เป็นองค์กรด้านพลังงานของประเทศ และเป็นแรงขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลง โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมสู่ทุกภาคส่วน มุ่งยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ พร้อมพัฒนาสังคมและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย ตามแนวคิดที่เรียกว่า PTT หรือ Powering Thailand’s Transformation โดยกลยุทธ์ที่จะทำให้บรรลุแนวคิดดังกล่าว จะต่อยอดการดำเนินงานจากการสร้างความเข้มแข็งจากภายในผสานด้วยการเปิดกว้างทางความคิด รับบริบทจากภายนอก (inside-out & outside-in) เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคและความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสีย โดยวางพื้นฐานหลักในการทำงานด้วยกลยุทธ์ PTT ร่วมกับแนวคิด PTT เช่นเดียวกันหรือที่เรียกว่า “PTT by PTT” ประกอบด้วย 1.Partnership and Platform เน้นการดำเนินธุรกิจด้วยการสร้างพันธมิตรและพัฒนาธุรกิจของ ปตท.ให้มีลักษณะเป็นแพลทฟอร์มมากกว่าเป็นแค่ผู้ผลิตสินค้าและจำหน่าย โดย ปตท.จะดึงดูดพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญ จากต่างประเทศ ควบคู่กับการสร้างความร่วมมือกับทั้งรัฐวิสาหกิจ เอกชน ผู้ประกอบการไทย และ SMEs ในการ ขับเคลื่อนคุณค่าจากมือพันธมิตรสู่มือผู้บริโภค เป็นการร่วมกันสร้าง New business model และ New ecosystem 2.Technology for All เทคโนโลยีที่เกิดจากการผสมผสานด้วยความรู้ความเชี่ยวชาญ นวัตกรรม และดิจิทัล โดยจะใช้ในทุกมิติของกระบวนการดำเนินงาน ทั้งการสร้างรูปแบบธุรกิจใหม่ และใช้บริหารจัดการองค์กร รวมทั้งการขับเคลื่อนสู่ภายนอก เป็นการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อสังคม 3.Transparency and Sustainability สร้างความโปร่งใสและความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจ เน้นให้พนักงานผู้ปฏิบัติมีความเข้าใจเรื่องการดำเนินงานที่สอดคล้องกับการกำกับดูแลกิจการที่ดี การประเมินความเสี่ยงอย่างเหมาะสม (Governance, Risk และ Compliance หรือ GRC) พร้อมกับพัฒนาการดำเนินธุรกิจให้เกิดความยั่งยืนทั้งมิติทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้นอกจากแนวคิดสู่กลยุทธ์ PTT by PTT แล้ว เพื่อเป็นการรองรับวิกฤตและลดผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในช่วงเวลานี้ กลุ่ม ปตท.จึงนำแนวคิด 4R’s มาประยุกต์ใช้บริหารจัดการ เริ่มตั้งแต่ Resilience สร้างความยืดหยุ่นพร้อมดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง สร้างความปลอดภัยให้พนักงาน ประเมินสุขภาพองค์กร ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น จัดความสำคัญของโครงการลงทุน ตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำ และรักษาสภาพคล่อง Restart เตรียมความพร้อมในการนำธุรกิจ พนักงาน ลูกค้าและคู่ค้า กลับสู่สภาวะปกติให้เร็วที่สุดและรักษาความสามารถทางการแข่งขัน Re-imagination ในขณะเดียวกันต้องเตรียมออกแบบธุรกิจเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดเป็น Next normal ทั้งธุรกิจเดิมและ New S-Curve และ Reform พร้อมปฏิรูป จัดโครงสร้างองค์กรและธุรกิจ ให้สอดคล้องกับทิศทางในอนาคตและพร้อมรองรับทุกสถานการณ์อันไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นได้อีกทุกเมื่อ โดยจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกหยุดชะงัก ปตท. ยังได้ควบคุมค่าใช้จ่ายตามนโยบาย “ลด ละ เลื่อน” กันอย่างจริงจัง โดยลดกิจกรรมที่ไม่จำเป็น ช่วยกันบริหารจัดการ การทำธุรกิจให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ บริหารความเสี่ยงด้านราคา อุปสงค์ อุปทาน สินค้าคงคลัง รวมถึงบริหารจัดการค่าใช้จ่ายและงบประมาณองค์กรเพื่อให้สามารถก้าวผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน ขณะที่ในส่วนของการร่วมพัฒนาสังคมและคุณภาพชีวิตของคนไทยนั้น ปตท.ยังคงมุ่งมั่นดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยยกระดับการทำงานผ่านกลยุทธ์ PTT เช่นเดียวกัน ซึ่งจะให้ความสำคัญกับพันธมิตร ผู้มีส่วนได้เสีย และเชื่อมโยงการทำงานระหว่างบริษัทในกลุ่ม ปตท.ให้ร่วมกันใช้ความเชี่ยวชาญ นำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์มากขึ้น เพื่อนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนร่วมกันต่อไป