เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. เวลา 09.45 น. ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงข่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯออกไปอีก แต่จะมีการทดลองการยกเลิกเคอร์ฟิว ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีความอันตรายมากหากยังมีการคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯอยู่ต่อไป เพราะการยกเลิกเคอร์ฟิวไม่เท่ากับการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฯ ซึ่งปัญหาสำคัญของ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯคือการที่เจ้าหน้าที่ได้รับการยกเว้นความรับผิด หมายความว่าการใช้อำนาจ ข้อกำหนดต่างๆที่อาศัย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จะทำให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจค่อนข้างมากต่อไป ซึ่งเป็นอันตรายต่อประชาชน เพราะเราจะไม่มีทางรู้ว่าเจ้าหน้าที่จะใช้อำนาจนี้ไปในทิศทางใด อาจจะเป็นความเหิมเกริม อาจจะนำไปสู่การรังแกประชาชน และท้ายที่สุดจะทำให้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ กลายเป็นเครื่องมือที่ทำให้การใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนไม่สามารถทำได้ ดังนั้นการคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จะเป็นตัวขัดขวางกระบวนการ ทำให้ประชาชนไม่สามารถแสดงความคิดเห็นหรือมีเสรีภาพในการแสดงออกได้อย่างเต็มที่ นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ดจึงไม่แปลก ในการคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯไว้ นอกจากจะไม่ใช่เป็นการคงเอาไว้เพื่อแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 เพราะขณะนี้ตัวเลขต่างๆได้ยืนยันว่าสถานการณ์ดีขึ้นมากจนไม่รู้ว่าต้องมีเครื่องมือเหล่านี้ต่อไปทำไม หรือแท้ที่จริงแล้วการคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯเป็นการใช้เครื่องมือทางกฎหมายที่ให้อำนาจฝ่ายบริหารมากมายขนาดนี้เพื่อปกป้องรัฐบาลเอง เพื่อปกป้องจากการที่ประชาชนที่เขามีความเห็นตรงกันข้ามกับรัฐบาลแล้วอาจจะประท้วง หรือแสดงความคิดเห็น โดยรัฐบาลจะใช้เครื่องมือทางกฎหมายนี้เพื่อรังแกผู้ชุมนุมหรือประชาชน “ผมคิดว่าหากพูดกันเฉพาะเรื่องของการแก้ไขปัญหาโควิด-19 แค่กฎหมายปกติก็เพียงพอแล้ว จะอ้างว่ามีพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯไว้เพื่อไปปิดน่านฟ้าก็ฟังไม่ขึ้น เพราะเรามี พ.ร.บ.ปิดน่านฟ้า ให้อำนาจไว้อยู่แล้ว ดังนั้นการคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯไว้ จึงเป็นสิ่งที่ไม่มีความจำเป็นในการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ผมดติดว่าถึงเวลาที่รัฐบาลจะต้องยุติการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน”นายรังสิมันต์ กล่าว