จากหน้าที่ “ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน” อาจทำให้ “ภูมิธรรม เวชยชัย” แกนนำพรรคเพื่อไทย ประเมินแล้วว่าอยังไม่ใช่หนทางที่จะสามารถสนองตอบต่อแนวทาง ทางการเมืองของตนเองได้ ยิ่งเมื่อในยามนี้ ที่ภูมิธรรม เคยเปิดใจผ่านสื่อ ว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่บ้านเมือง ในยามวิกฤติ เมื่อภูมิธรรม ออกแอคชั่น เริ่มขยับออกมาเคลื่อนไหวเพื่อเตรียมขับเคลื่อนการเมืองในนาม กลุ่มแคร์ หรือ “คณะผู้ห่วงใยประเทศ” หมายความว่า ใจของภูมิธรรม อาจจะไม่ได้อยู่ที่พรรคเพื่อไทย อีกแล้วหรือไม่ ? การออกไปตั้งกลุ่มแคร์ ของภูมิธรรม นั้นแน่นอนว่าถูกจับตามาโดยตลอด เพราะสมาชิกที่ร่วมกลุ่มล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ไว้วางใจทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น “หมอมิ้ง” นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช, “หมอเลี้ยบ” นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี และ “เฮียเพ้ง” พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล คนกลุ่มนี้คือฟันเฟืองหลักๆที่อยู่กับอดีตนายกฯทักษิณมาตั้งแต่เมื่อครั้งก่อตั้งพรรคไทยรักไทย แต่ดูเหมือนว่า หนทางของภูมิธรรม อาจจะไม่ราบรื่นเอาเสียแล้ว เพราะล่าสุดปรากฎว่ามีส.ส.ของพรรคเพื่อไทยแสดงความไม่พอใจอย่างหนัก โดยมีการโจมตีการให้สัมภาษณ์สื่อของแกนนำกลุ่มแคร์ ในทำนองว่าถ้าอยากจะออกจากพรรคเพื่อไปทำงานการเมือง ก็ไม่ควร “เผาบ้านตัวเอง” ด้วยการพูดถึงพรรคเพื่อไทยในแง่ลบ ระบุว่าไม่ใช่พรรคการเมืองอันเป็นที่หวังของประชาชนอีกแล้ว ความบาดหมางระหว่างภูมิธรรม กับสมาชิกพรรคเพื่อไทย จะยืดเยื้อต่อไปอีกแค่ไหน ยังไม่มีใครรู้ แต่นาทีนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนทางการเมืองที่ภูมิธรรม ได้เลือกแล้วว่าจะเดินไปพร้อมๆกับ “3สหาย” เพื่อขับเคลื่อนกลุ่มการเมืองใหม่ขึ้นมาตามที่ประกาศเอาไว้ โดยภายในสิ้นเดือนมิ.ย.นี้ โฉมหน้าและชื่อของกลุ่มจะปรากฎต่อสื่ออย่างเป็นทางการ สำหรับภูมิธรรม นั้นปัจจุบันอายุ 67ปี เกิดวันที่ 5 ธ.ค.2496 จบการศึกษารัฐศาสตรบัณฑิต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปี 2518 และปริญญาโท รัฐศาสตรมหาบัณฑิต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี พ.ศ. 2527 และได้ผ่านการศึกษาหลักสูตรป้องกันราชอาณาจักร จากวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ในปี 2547 ทำงานกับบริษัทในเครือชินวัตร ระหว่างปี 2540-2541 ในตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ประจำสำนักประธานบริหารกลุ่มบริษัทชินวัตร เข้าสู่งานการเมืองด้วยการเป็นที่ปรึกษาคณะทำงาน สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง (กทบ.) ในปี พ.ศ. 2544 และเป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (ประจำสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และเป็นรองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย กระทั่งได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ต่อมาถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยซึ่งถูกคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรค ทำให้ภูมิธรรมกลายเป็น 1ในสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ต่อมา สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ในปี 2555 อีกฉากหนึ่งในชีวิตที่น่าสนใจ คือภูมิธรรม คืออดีตคนเดือนตุลา เคยหนีเข้าป่าสมัยเดือนตุลา 2519 อยู่ถึง 3ปี จากนั้นทำงานเป็นเอ็นจีโอ อยู่ราวสิบปี ต่อมาภูมิธรรมร่วมกับเพื่อนพ้องคนเดือนตุลาด้วยกันก่อตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาในชื่อ “ พรรคประชาธรรม” ก่อนที่จะได้มาเจอกับทักษิณ ที่มีความสนใจในการเมือง ก่อนที่จะร่วมกันก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ในที่สุด