สิ้นสุดการรอคอยของบรรดาคอลูกหนัง "เมืองผู้ดี" หลังจากที่ประเทศอังกฤษ ได้ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 พร้อมทั้งประกาศไฟเขียวให้ศึกฟุตบอล "พรีเมียร์ลีก" ประจำฤดูกาล 2019/20 สามารถกลับมาฟาดแข้งกันต่อได้ในเดือน มิ.ย.นี้ หลังจากที่การแข่งขันลีกสูงสุดได้ถูกระงับไปตั้งแต่เดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ครั้งล่าสุดในการตรวจหาเชื้อในบุคลากรสโมสรต่างๆ ของพรีเมียร์ลีก จำนวน กว่า 1,195 ราย พบว่าตัวเลขผู้ป่วยใหม่เป็น 0 เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 แล้ว จากการตรวจหาเชื้อ 3 ครั้งหลังสุดตั้งแต่ในช่วงต้นเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ พบผู้ป่วยเพียงแค่ 1 คนเท่านั้น ถือเป็นตัวเลขที่ลดลงและมีแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่ศึกพรีเมียร์ลีก จะกลับมาฟาดแข้งฤดูกาล 2019-20 กันอีกครั้ง โดยสถิติการตรวจหาเชื้อทั้ง 6 รอบของพรีเมียร์ลีก พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 13 คนจากการทดสอบทั้งหมด 6,274 ราย นอกจากนี้ ทางคณะกรรมการสมาคมฟุตบอลนานาชาติ (ไอเอฟเอบี) ได้ออกกฎใหม่ให้แต่ละทีมสามารถเปลี่ยนตัวผู้เล่นได้ 5 คน จากเดิมที่เปลี่ยนได้ 3 คน และหลังจากการประชุมครั้งล่าสุด พรีเมียร์ลีกก็อนุมัติให้ใช้กฎนี้เป็นการชั่วคราวไปจนจบฤดูกาล พร้อมทั้งให้มีรายชื่อตัวสำรองข้างสนามเพิ่มขึ้นจาก 7 คน เป็น 9 คน สำหรับไฮไลค์สำคัญในโปรแกรมรีสตาร์ท อยู่ที่คู่ประเดิมสนามรอบดึกในวันที่ 17 มิ.ย.นี้ เป็นการเปิดหัวด้วย "บิ๊กแมตช์" เป็นเกมนัดตกค้างระหว่างทีม "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบกับทีม "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล และเป็นเกมสำคัญของเหล่าสาวก "เดอะค๊อป"ทั่วโลก ที่พร้อมจะเป็นกองแช่งให้ "เรือใบสีฟ้า" ทีมอันดับ 2 ของตาราง ต้องอับปางลงในนัดนี้ เพราะจะส่งผลให้"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ทีมจ่าฝูงในศึกพรีเมียร์ลีก ย่นระยะทางให้สั้นลงจากที่ต้องการชัยชนะ 2 นัด เหลือเพียงแค่คว้าชัยเพียง 1 นัด ก็การันตีในการคว้าแชมป์ลีกในรอบ 30 ปี มาครอบครองได้สำเร็จ โดยความพร้อมของ "แมนฯ ซิตี้" ในขณะนี้กำลังเผชิญกับปัญหานักเตะหลายคนแหกล็อกดาวน์ อาทิ "ไคล์ วอล์คเกอร์" แบ็กขวาทีมชาติอังกฤษ ซึ่งเคยแหกกฎกักตัวล็อกดาวน์มาแล้วถึง 3 ครั้ง หนึ่งในนั้นคือการนัดหญิงสาว 2 คน เข้ามาบริการในงานปาร์ตี้กับเพื่อนอีกหลายคน เมื่อช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ส่วนทางด้าน " ฟิล โฟเดน" ดาวรุ่งชาวอังกฤษวัย 20 ที่ถูกจับภาพได้ว่าออกไปทำกิจกรรมเล่นฟุตบอลร่วมกับคนแปลกหน้า ที่ชายหาดย่านเมอร์ซีย์ไซด์ เป็นการละเมิดกฎเว้นระยะห่างทางสังคม โดยทางสโมสรฯได้เรียกเจ้าตัวเข้ามาพูดคุย พร้อมทั้งสั่งให้กักตัวเป็นระยะเวลา 14 วันด้วย แต่โดยรวมบรรดานักเตะในตำแหน่งสำคัญต่างฟิตเปรี้ยพร้อมลงสนามกันทุกคน ขณะที่ "ปืนใหญ่" เปิดเอมิเรตส์ สเตเดียม อุ่นเครื่องแบบปิดสนาม ไล่ถล่ม "ชาร์ลตัน แอธเลติก" สโมสรจากเดอะ แชมเปี้ยนชิพ ไปแบบขาดลอย 6-0 เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยได้ประตูจาก อเล็กซ็องเดร ลากาแซตต์, ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง, โจ วิลล็อค คนละ 1 ประตู และเอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ดาวรุ่งอนาคตไกละเบิดฟอร์มยิงคนเดียว 3 ประตู และนัดต่อมาถูก "เบรนท์ฟอร์ด" สโมสรระดับ เดอะแชมเปี้ยนชิป เผาเครื่องไป 2-3 คืนวันพุธที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา ส่วนทางด้านเกมการแข่งขัน "เมอร์ซีย์ ไซด์ ดาร์บี้" ระหว่างทีม "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เอฟเวอร์ตัน เปิดบ้านเจอกับ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ในวันอาทิตย์ที่ 20 มิ.ย. นี้ อาจได้เตะกันที่สนามเซนต์ แมรีส์ ของทีม "นักบุญ" เซาแธมป์ตัน ที่ห่างออกไปราว 380 กิโลเมตร เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัย เนื่องจากอยู่ในกลุ่มแมตช์ที่เจ้าหน้าที่กลัวจะทำให้เกิดการชุมนุมจำนวนมาก โดยในเกมแรกของกลับมาแข่งใหม่นั้น ลิเวอร์พูล จะบุกเยือน เอฟเวอร์ตัน แล้วมีโอกาสได้ฉลองแชมป์อย่างเป็นทางการ หากว่า แมนฯ ซิตี รองจ่าฝูงแพ้ ก่อนในเกมตกค้างกับ อาร์เซนอล อย่างไรก็ตามยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเกมการแข่งขัน "เมอร์ซีย์ ไซด์ ดาร์บี้" จะไปฟาดแข้งกันที่สนามไหนก็ตาม แต่ถ้าหาก "แมนฯ ซิตี้" พลาดท่าปราชัยให้กับ "อาร์เซน่อล" และ"ลิเวอร์พูล" สามารถคว้า 3 แต้มในการบุกไปที่ "กูดิสันพาร์ก" จะทำให้ "หงส์แดง" ได้ชูถ้วยฉลองแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกในรอบ 30 ปี ที่สนามแอนฟิลด์ ในนัดที่ต้องเปิดบ้านพบกับทีม "ปราสาทเรือนแก้ว" คริสตัล พาเลซ ในวันที่ 24 มิ.ย.นี้