เลขาธิการอีอีซีรับโควิดกระทบลงทุนต่างชาติชะลอตัว แต่หลังคลายล็อกดาวน์เข้าสู้เกณฑ์ปกติ มองจีดีพีปีนี้ติดลบไม่ถึง5% ชี้กลุ่มการบินฟื้นปลายปี 64 เตรียมเดินหน้าลงนามร่วมกลุ่ม BBS 19 มิ.ย.63 นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลกระทบค่อนข้างมาก ยอมรับการลงทุนโดยตรงจากนักลงทุนต่างประเทศปีนี้คงจะไม่ลื่นไหล ซึ่งมองว่าจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวภายหลังจากมีวัคซีน ขณะที่กลุ่มการบินมองว่าจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ปกติเหมือนช่วงก่อนโควิด-19 อีกครั้งคือช่วงปลายปี 2564 แต่ตัวเลขคงต้องรอจากทางสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI) แต่เชื่อมั่นว่าประเทศไทยยังคงเป็นเป้าหมายของนักลงทุน โดยเฉพาะในพื้นที่อีอีซี ทั้งนี้จากมาตรการการผ่อนปรนให้ชาวต่างชาติเดินทางมายังประเทศไทยได้ และจะผ่อนปรนมากขึ้นในช่วงสิ้นเดือนนี้ จะทำให้นักลงทุนต่างชาติเดินทางมาเจรจาการลงทุนในประเทศไทย ได้สะดวกมากขึ้นจากก่อนหน้านี้ที่มีการปิดประเทศห้ามเดินทางเข้าออกทำให้ทุกฝ่ายคาดการณ์ว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย หรือจีดีพีในปีนี้จะติดลบร้อยละ 5 หรือมีวงเงินการลงทุนขาดหายไปกว่า 800,000 ล้านบาท แต่จากการผ่อนปรนมาตรการต่างๆทำให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 80 เชื่อว่าจะส่งผลทำให้เศรษฐกิจไทยติดลบน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่วนการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศโดยตรงในพื้นที่อีอีซีในปีนี้ยอมรับว่าจะชะลอตัวลง แต่ยังคงมีนักลงทุนที่สนใจมาลงทุนในอีอีซีจากกรณีที่จีนและสหรัฐฯมีปัญหาสงครามการค้าระหว่างกัน ทำให้นักลงทุนวางแผนที่จะเข้ามาลงทุนในไทยแทนการลงทุนในจีน รวมทั้งช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ประเทศไทยสามารถจัดการและรับมือได้ดีกว่าหลายๆประเทศทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจในการรับมือของไทย ขณ่ะความคืบหน้าการลงทุนของอีอีซีทั้งหมด 5 โครงการนั้น ซึ่งมี 2 โครงการที่ลงนามแล้วประกอบด้วย 1.รถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน 2.ท่าเรือแหลมฉบัง และสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินจะลงนามกับกลุ่ม BBS วันที่ 19 มิ.ย.63 ขณะที่ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดอยู่ระหว่างการพิจารณา และด้านศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) เชื่อว่าจะล่าช้าไปกว่าแผนที่วางไว้