นิพนธ์ฯ เยี่ยม ศูนย์สั่งการแพทย์ฉุกเฉิน รพ.อุดรธานี ขอบคุณ ทีมแพทย์ พยาบาล อสม. ดูแลคนไทย มาเกือบ 4 ด. "ชื่นชม" นำสิ่งเหลือใช้ประดิษฐ์ ใช้ป้องกันโควิด-19
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 11 มิ.ย.63 นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย(มท.2) พร้อมด้วย นายสุทธิ ปัญญาสกุลวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะเจ้าหน้าที่ เดินทางไปเยี่ยมชมศูนย์สั่งการแพทย์ฉุกเฉิน ในโรงพยาบาลอุดรธานี โดยมี นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผวจ.อุดรธานี นายแพทย์ณรงค์ ธาดาเดช ผอ.โรงพยาบาลอุดรธานี พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.ภ.จว.อุดรธานี และทีมแพทย์ พยาบาล ให้การต้อนรับ
โรงพยาบาลอุดรธานี ได้จัดตั้งศูนย์สั่งการแพทย์ฉุกเฉิน ขึ้นในโรงพยาบาล เพื่อการดูแลผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน โดยศูนย์สั่งการ จะมีเจ้าหน้าที่คอยติดตามการรายงานเหตุ พร้อมประสานจัดทีมเข้าไปยังจุดเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน(มีต้นแบบมาจาก อบจ.สงขลาที่ได้ดำเนินการเป็นผลสำเร็จ) จากนั้นเมื่อส่งต่อมายังโรงพยาบาลแล้ว จะทำการการจัด Zoning ตามระดับความรุนแรง เช่น สีเหลือง(ระดับเบา) สีชมพู(ระดับปานกลาง) สีแดง(ระดับรุนแรง-วิกฤต) เพื่อสามารถทำการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดอัตราการสูญเสียได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ โรงพยาบาลอุดรธานี ยังได้มีมาตรการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโคโรน่า 2019(COVID-19) สำหรับผู้ที่เข้ามารับบริการและมีความเสี่ยง โรงพยาบาลได้จัดสถานที่ ให้เป็นห้องความดันลบ เพื่อรองรับผู้มีความเสี่ยง ที่มีอาการไอ จาม โดยห้องความดันลบนี้จะช่วยลดการฟุ้งกระจายของละอองจากการไอ จาม ได้อย่างดีอีกด้วย
จากนั้น รมช.มท. และคณะ ได้มาทดลองใช้สิ่งประดิษฐ์จากของเหลือใช้ เช่น ถังน้ำมันเก่า ตู้โทรศัพท์เก่า เป็นต้น นำมากลับมาประดิษฐ์เป็นที่ล้างมือ เพื่อรองรับผู้มาใช้บริการโรงพยาบาล สถานที่ราชการต่างๆ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง จังหวัดอุดรธานี โรงพยาบาลอุดรธานีและเทศบาลนครอุดรธานี ได้จัดทำขึ้น และจะขยายผลนำไปติดตั้งประจำโรงเรียนและสถานศึกษาต่างๆในพื้นที่ พร้อมต้องการปลูกจิตสำนึกในเรื่องสุขอนามัยให้แก่เด็กนักเรียน เยาวชน
นายนิพนธ์ รมช.มท. กล่าวว่า การรับมือในสถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด-19 ตลอด 4 เดือนที่ผ่านมานั้น เครือข่ายแพทย์ต่างๆ พยาบาล บุคลากร ตลอดจนพี่น้อง อสม.ทุกท่าน ต่างทุ่มเทแรงกาย แรงใจเป็นกำลังหลักในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดฯของประเทศไทย ได้อย่างน่าชื่นชม ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ ในโอกาสนี้ ผมขอเป็นตัวแทนในนามรัฐบาลและคนไทยทุกคน มาเยี่ยมเยียนเพื่อกล่าวคำว่า"ขอบคุณแทนคนไทยทุกคนด้วย" ถือว่า ทุกท่านที่ได้ทำหน้าที่เป็นผู้ปกป้องคนไทยอย่างแท้จริง รวมถึง ขอชื่นชมไปยังท่านผวจ.อุดรธานี ท่านผอ.โรงพยาบาลอุดรธานี ท่านนายกเทศมนตรีนครอุดรธานี ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ได้ร่วมกันทำโครงการจัดหาสิ่งเหลือใช้มาประดิษฐ์เป็นที่ล้างมือเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 นับเป็นเรื่องที่ดีที่เราคนไทยได้ช่วยกันดูแลซึ่งกันและกันในยามวิกฤต ขอให้พี่น้องประชาชน รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ ขอให้อดทนไปอีกสีกระยะหนึ่ง คาดว่าอีกไม่นาน สถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ
นอกจากนี้ โรงพยาบาลอุดรธานี ยังได้มีมาตรการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโคโรน่า 2019(COVID-19) สำหรับผู้ที่เข้ามารับบริการและมีความเสี่ยง โรงพยาบาลได้จัดสถานที่ ให้เป็นห้องความดันลบ เพื่อรองรับผู้มีความเสี่ยง ที่มีอาการไอ จาม โดยห้องความดันลบนี้จะช่วยลดการฟุ้งกระจายของละอองจากการไอ จาม ได้อย่างดีอีกด้วย
จากนั้น รมช.มท. และคณะ ได้มาทดลองใช้สิ่งประดิษฐ์จากของเหลือใช้ เช่น ถังน้ำมันเก่า ตู้โทรศัพท์เก่า เป็นต้น นำมากลับมาประดิษฐ์เป็นที่ล้างมือ เพื่อรองรับผู้มาใช้บริการโรงพยาบาล สถานที่ราชการต่างๆ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง จังหวัดอุดรธานี โรงพยาบาลอุดรธานีและเทศบาลนครอุดรธานี ได้จัดทำขึ้น และจะขยายผลนำไปติดตั้งประจำโรงเรียนและสถานศึกษาต่างๆในพื้นที่ พร้อมต้องการปลูกจิตสำนึกในเรื่องสุขอนามัยให้แก่เด็กนักเรียน เยาวชน
นายนิพนธ์ รมช.มท. กล่าวว่า การรับมือในสถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด-19 ตลอด 4 เดือนที่ผ่านมานั้น เครือข่ายแพทย์ต่างๆ พยาบาล บุคลากร ตลอดจนพี่น้อง อสม.ทุกท่าน ต่างทุ่มเทแรงกาย แรงใจเป็นกำลังหลักในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดฯของประเทศไทย ได้อย่างน่าชื่นชม ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ ในโอกาสนี้ ผมขอเป็นตัวแทนในนามรัฐบาลและคนไทยทุกคน มาเยี่ยมเยียนเพื่อกล่าวคำว่า"ขอบคุณแทนคนไทยทุกคนด้วย" ถือว่า ทุกท่านที่ได้ทำหน้าที่เป็นผู้ปกป้องคนไทยอย่างแท้จริง รวมถึง ขอชื่นชมไปยังท่านผวจ.อุดรธานี ท่านผอ.โรงพยาบาลอุดรธานี ท่านนายกเทศมนตรีนครอุดรธานี ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ได้ร่วมกันทำโครงการจัดหาสิ่งเหลือใช้มาประดิษฐ์เป็นที่ล้างมือเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 นับเป็นเรื่องที่ดีที่เราคนไทยได้ช่วยกันดูแลซึ่งกันและกันในยามวิกฤต ขอให้พี่น้องประชาชน รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ ขอให้อดทนไปอีกสีกระยะหนึ่ง คาดว่าอีกไม่นาน สถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ