เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2563 ที่แปลงนาข้าวหอมมะลิอินทรีย์ บ้านโคกกลาง อำเภอคำเขื่อนแก้วจังหวัดยโสธร นางสาวสิริมาวัฒโน รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธรได้นำส่วนราชการและประชาชน ร่วมกันปลูกต้นข้าวด้วยการโยนกล้าลงแปลงนาอินทรีย์ ซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ของชาวจังหวัดยโสธร แต่ที่ผ่านมา เมื่อทดลองโยนกล้า ลงแปลงนา ก็ให้ผลผลิต ดี จึงได้จัดกิจกรรม หนังภาคส่วนราชการและแรงส่วนร่วมกันโยนกล้าลงแปลงนาอินทรีย์ในครั้งนี้ นางสาวสิริมา วัฒโน รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธรเปิดเผยว่า เนื่องจากจังหวัดยโสธร ได้รับการคัดเลือกจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เป็นจังหวัดต้นแบบในการทำเกษตรอินทรีย์ของประเทศ ภายใต้วิสัยทัศน์ของจังหวัด “ยโสธร เมืองแห่งเกษตรอินทรีย์ เมืองแห่งวิถีอีสาน” โดยภาคราชการและภาคเอกชนได้ร่วมขับเคลื่อนการทำเกษตรอินทรีย์มาตั้งแต่ปี 2560 ภายใต้โครงการ ชาวนาอัจฉริยะ ทำนา 1 ไร่ ได้ข้าว 2 ตัน โดยการทดลองปลูกข้าวโดยการทำนาโยน ใช้กล้าต้นเดียวตามทฤษฎีชาวนาอัจฉริยะ 1 ไร่ 1 แสน ได้ข้าว 2 ตัน เว้นระยะห่างต้นละ 40 เซนติเมตร โดยใช้ต้นกล้าที่มีอายุ 5 วัน/ 7 วัน/ 9 วัน และ 12 วัน ซึ่งรากต้นกล้าที่งอกออกมายังไม่ยาวจนขดตัวอีกทั้งไม่เกิดการบอบช้ำ พร้อมที่จะรับสารอาหารในดินได้ตั้งแต่ต้นยังเล็กทำให้เจริญเติบโตได้ดีกว่าต้นกล้าที่มีอายุ 30 วัน ซึ่งที่แปลงข้าวทุ่งหอมมะลิ เมื่อปีที่แล้ว พบว่าต้นข้าวแตกกอได้ดี โดยมีจำนวนต้นข้าวเพิ่มขึ้นระหว่าง 50 – 70 -120 ต้นต่อกอทำให้ได้ผลผลิตเพิ่มมากขึ้นและลดต้นทุนด้านการใช้เมล็ดพันธุ์กว่าการทำนาหว่านถึง 150 เท่า เพราะใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวปลูกเพียง 2 ขีดต่อไร่ นางสาวสิริมา ยังกล่าวอีกว่า การทำนามีหลายรูปแบบ เดิมเราเคยชินกับการทำนานาดำ นาหว่าน นาหยอด ซึ่งปัจจุบันนี้ได้เกิดการเรียนรู้นวัตกรรมใหม่การทำนา เช่น การทำนาแบบโยนต้นกล้า ซึ่งที่ทุ่งหอมมะลิ ได้ทดลองจนประสบผลสำเร็จ สามารถลดต้นทุนด้านเมล็ดพันธุ์ข้าวและสามารถให้ผลผลิตได้เพิ่มมากขึ้น