“มาดามเดียร์” นำ 5 ส.ส.พปชร.ลงพื้นที่ พบผู้ประกอบการ ยัน ส.ส.ทุกคนให้ความเคารพ “บิ๊กป้อม”ส่วนจะนั่งหน.พรรค หรือไม่ ขึ้นอยู่กับสมาชิกพรรค ยันไม่ได้รวมกลุ่มต่อรองผลประโยชน์หรือตั้งพรรคใหม่ เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ที่ซอยประชาราษสาย 1 ซอย 24 ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ นำโดย น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ ,น.ส.กรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส.เขตคลองเตย-วัฒนา ,น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.เขตดุสิต-บางซื่อ ,น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.เขตราชเทวี พญาไท จตุจักร ,น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันท์ ส.ส.เขตบางกะปิ-วังทองหลาง และนายศิริพงษ์ รัสมี ส.ส.เขตหนองจอก ลงพื้นที่เยี่ยมและรับฟังปัญหาจากผู้ประกอบการค้าไม้ ไม้แปรรูปและเฟอร์นิเจอร์ บริเวณย่านประชาคมประชานฤมิตร(ซอยโรงไม้บางโพ) ซึ่งถือเป็นย่านเศรษฐกิจที่สำคัญในเขตบางซื่อ และซอยนี้ทั้งซอยขายส่ง ขายปลีกให้กับร้านค้า บริษัทรับเหมาตกแต่งทั่วประเทศ น.ส.วทันยา กล่าวว่า ตั้งแต่ช่วงโควิดพวกเราได้ลงพื้นที่และตอนนี้ก็ต้องให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูเศรษฐกิตภายหลังวิกฤตโควิด-19 ซึ่งวันนี้ได้มีการพูดคุยถึงเรื่องธุรกิจเอสเอ็มอี ในเรื่องการเยียวยา ซึ่งผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ได้สะท้อนถึงปัญหาในเรื่องการเข้าถึงสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ โดยข้อมูลที่ได้รับมาจากธนาคาร ยังมีความคลาดเคลื่อนว่า สินเชื่อ ซอฟท์โลน หมดแล้ว แต่ในความจริงนั้น สินเชื่อซอฟท์โลนยังไม่เต็ม เพิ่งจะใช้ไปเพียง 11% เท่านั้น จากนี้คงจะต้องมีการสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบและเข้าใจให้มากขึ้น เมื่อสอบถามถึงการรวมกลุ่มประกาศจุดยืนวานนี้ น.ส.วทันยา กล่าวว่า การประกาศเมื่อวานนี้ พวกเราทั้ง 6 คนถือเป็น ส.ส.รุ่นใหม่ เข้ามาทำงานสภาครั้งแรก และได้เห็นถึงปัญหาที่ประชาชนทุกข์ร้อน เมื่อมาเห็นปัญหาของพรรคในขณะนี้ ก็รู้สึกไม่สบายใจ พวกเราจึงอยากให้ผู้ใหญ่ได้พูดคุยทำความเข้าใจ เพื่อให้เกิดความปรองดอง เพราะวันนี้เรื่องสำคัญที่สุดคือการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งพวกตนยืนยันว่า การรวมกลุ่มในครั้งนี้ไม่ใช่การรวมเพื่อต่อรองทางการเมือง แต่รวมกลุ่มจากอุดมการณ์และแนวทางที่เหมือนกัน พวกเรามีอายุไล่เลี่ยกัน อยากเห็นการเมืองพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นเหมือนๆกัน ไม่ใช่กาีเมืองน้ำเน่าแบบทุกวันนี้ จึงได้รวมกลุ่มเพื่อทำงานร่วมกัน วันนี้อยากจะขับเคลื่อนให้พรรคพลังประชารัฐก้าวไปข้างหน้า เพราะพวกตนเคารพผู้ใหญ่และ ส.สทุกคนในพรรค แต่เราก็มีจุดยืนและอยากจะสะท้อนมุมมองของประชาชนให้ผู้ใหญ่ในพรรคได้รับฟัง น.ส.วทันยา ยังกล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรีและมีชื่อตนเองที่จะไปนั่งรัฐมนตรีนั้นว่าไม่ทราบ การปรับคณะรัฐมนตรีเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี วันนี้อยากโฟกัสการทำงานในตำแหน่งของส.ส.ที่ประชาชนไว้วางใจ ตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี วันนี้ขอเดินหน้าทำงานให้กับประชาชนตามอุดมการณ์ของตนเอง ส่วนคุณสมบัติของคนที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคนั้น น.ส.วทันยา กล่าวว่า จะต้องเป็นผู้นำที่มีความเข้มแข็ง มีความเป็นธรรมให้กับสมาชิกและมีวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนพรรค เพื่อให้พรรคมีความเป็นหนึ่งเดียวและสามารถที่จะเดินหน้าต่อไปได้ ส่วนชื่อแคนดิเดตที่มีชื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีจะมานั่งเป็นหัวหน้าพรรคนั้น ตนมองว่าท่านมีความเมตตาและมีความอาวุโส และ ส.ส.ทุกคนให้ความเคารพอยู่แล้ว ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับสมาชิกในการเลือกหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรค เมื่อถามต่อว่า การรวมกลุ่มครั้งนี้จะมีกาาตั้งพรรคใหม่หรือไม่ น.ส.วทันยา กล่าวว่า ยังไม่ได้มีความคิดแบบนั้น เพราะตนเชื่อมั่นว่า พรรคพลังประชารัฐยังมีความเข้มแข็งที่จะเดินหน้าอยู่ แต่ระบอบประชาธิปไตยอาจจะมีความแตกต่างทางความคิดได้ แต่ยังเชื่อว่าเมื่อทุกคนเข้าใจกัน เราจะยังเดินหน้าได้ทำงานเพื่อประเทศและประชาชนต่อไป เพราะทุกคนล้วนแต่เป็นคนที่มีความสามารถ