ย้ำสิ่งสำคัญสุดต้องป้องกันตัวเอง สวมหน้ากากเมื่อออกนอกบ้าน ห้ามใส่เฟซชีลด์อย่างเดียว ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง เลี่ยงที่แออัด ด้วยไม่อาจทราบได้ว่าทุกที่มีผู้ติดเชื้อแฝงอยู่หรือไม่ ขณะยอดคนไทยเดินทางเข้าประเทศตั้งแต่ก.พ.-4 มิ.ย. กว่า 2.3 หมื่นราย พบติดโควิด 164 สูงสุดมาจากอินโดฯ ตามด้วยคูเวต ซาอุฯ นพ.อนุพงศ์ สุจริยากุล นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ ทั้ง 17 ราย เป็นผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศและเข้ารับการกักตัวเพื่อเฝ้าระวังในสถานที่รัฐจัดให้ ในจำนวนนี้พบว่ามีถึง 14 รายที่ไม่แสดงอาการป่วยใดๆ ชี้ให้เห็นว่า แม้คนที่ร่างกายแข็งแรงโดยเฉพาะในวัยหนุ่มสาวจะไม่แสดงอาการของโรคโควิด 19 แต่อาจเป็นผู้ติดเชื้อได้ ทั้งนี้ พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันมีส่วนสำคัญที่จะเพิ่มหรือลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ เนื่องจากเราไม่สามารถทราบได้เลยว่าในสถานที่ที่เราอยู่หรือเข้าใช้บริการมีผู้ติดเชื้อรวมอยู่ด้วยหรือไม่ ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือ การป้องกันตัวเองโดย สวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน หากสวมเฟซชีลด์ต้องสวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าร่วมด้วย และล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่างระหว่างผู้อื่น 1-2 เมตร หลีกเลี่ยงการรวมกลุ่มหรือเข้าไปอยู่ในพื้นที่แออัด คนอยู่มาก เพื่อความปลอดภัยและลดโอกาสการติดเชื้อโควิด 19 และโรคระบบทางเดินหายใจอื่นๆ นพ.อนุพงศ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการเดินทางกลับของคนไทยจากต่างประเทศขณะนี้ทยอยเดินทางกลับเข้าประเทศ ซึ่งในวันนี้ 4 มิ.ย. จะมีเที่ยวบินนำคนไทยจากประเทศอินเดีย และสหรัฐอเมริกา รวม 663 ราย จากข้อมูลกรมควบคุมโรค ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ถึง 4 มิ.ย.63 พบว่ามีคนไทยเดินทางจากต่างประเทศและเข้ารับการกักตัวในสถานที่ที่รัฐจัดให้ รวม 23,632 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เดินทางผ่านเข้ามาทางพรมแดนมาเลเซีย 14,398 ราย อินเดีย 1,888 ราย สหรัฐอเมริกา 1,872 ราย ญี่ปุ่น 881 ราย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 761 ราย โดยพบผู้ติดเชื้อจากการตรวจระหว่าง เข้ารับการกักตัว รวมจำนวน 164 ราย ส่วนใหญ่มาจากประเทศอินโดนีเซีย 65 ราย คูเวต 30 ราย ซาอุดิอาระเบีย 12 ราย ปากีสถาน 10 ราย กาตาร์ 9 ราย ตามลำดับ