ธนาคารหมู่บ้านนาเหรงป่วนส่อล้มสมาชิกร้อง ตร.เบิกเงินไม่ได้พบเงินฝากเกลี้ยงบัญชี ตัวแทนกรรมการรับเหลือแค่ 2 หมื่น ปล่อยกู้หมดแล้วเจอสมาชิกเบี้ยวไม่จ่ายหนี้อื้อ ช่วงเช้าที่ผ่านมา(4มิ.ย.63)ที่ สภ.นบพิตำ จังหวัดนครศรีธรรมราช ชาวตำบลนาเหรง อำเภอนบพิตำ เกือบ 100 คนในฐานะผู้เสียหายได้ทยอยมารวมตัวกันเข้าพบกับพันตำรวจเอกบุญเชิญ ลิ่มประจวบพงษ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรนบพิตำ และ พันตำรวจโทประจักษ์ หาญทอง รองผู้กำกับการสอบสวน เพื่อเป็นคนกลางในการเจรจาพูดคุยหาข้อยุติในการแก้ไขปัญหากับกรรมการกลุ่มธนาคารตำบลนาเหรง ที่มีสมาชิกกองทุนกว่า 2 พันคน มีเงินหมุนเวียนหลายสิบล้านไม่สามารถเบิกจ่ายได้ และมีเงินเหลือในธนาคารหมู่บ้านแห่งนี้แค่ 2 หมื่น-3 หมื่นบาทเศษเท่านั้น โดยก่อนหน้านี้สมาชิกได้รวมตัวกันติดตามทวงถามและได้เข้าร้องเรียนหลายฝ่ายแต่การดำเนินการแก้ไขปัญหายังไม่คืบหน้าทำให้เชื่อว่าเงินที่สมาชิกได้ร่วมกันฝากในรูปแบบ “สัจจะออมทรัพย์”ในชื่อกลุ่มธนาคารตำบลนาเหรงจะเกิดการล้มละลายทำให้สมาชิกสูญเงินฝากไปทั้งหมด นางสาวสร้อยสุดา ช่วยเอื้อ อายุ 36 ปี หนึ่งในตัวแทนสมาชิกธนาคารตำบลนาเหรง เปิดเผยว่า มูลเหตุจากที่กรรมการบริหารจัดการเงินถึง 40กว่าล้านเงินกู้แค่ 21 ล้านแต่เมื่อสอบถามกันเงินเหลือแค่ 2 หมื่นบาทเท่านั้นไม่น่าจะเป็นไปได้ สมาชิกมีอยู่ 2 พันเศษ มีเงินหมุนเวียน 30-40 ล้าน ตอนนี้สมาชิกไม่สามารถเบิกเงินได้ แม้แต่เจ้าของบัญชีที่ตายไปแล้วลุกหลานจะมาเบิกเงินมรดกตกทอดก็ไม่สามารถเบิกได้ นายสมภาค ช่วยสร้าง ตัวแทนกรรมการธนาคารตำบลนาเหรง ระบุว่าสำหรับธนาคารตำบลนาเหรง ก่อตั้งตั้งขึ้นเมื่อเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา เมื่อปี 46-7 มีเงินเหลืออยู่ราว 21 ล้านบาท ได้ปล่อยให้สมาชิกกู้ไปเกือบทั้งหมดมีเงินคงเหลือในบัญชีเพียง 2-3 หมื่นบาทเศษเท่านั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นคือการที่สมาชิกได้กู้เงินแล้วไม่ผ่อนจ่ายคืนให้กับธนาคารตำบล สมาชิกที่กู้เงินสูงสุดรายละ 2 แสนบาท โดยมีหลักทรัพย์ที่มาค้ำประกันเงินกู้คือเอกสารสิทธิ์โฉนดที่ดิน นส.3 เป็นต้นซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการติดตามหนี้ บ้างก็ต้องบังคับคดีกรณีที่มีการฟ้องร้องแล้ว ตัวแทนกรรมการธนาคารตำบลรายนี้ยังกล่าวยอมรับว่าที่ผ่านมาธนาคารหมู่บ้านยังไม่เคยเข้าจดทะเบียน จึงยังไม่ได้อยู่ในความดูแลของหน่วยงานราชการ แต่ยืนยันว่าจะพยายามติดตามหนี้สินกลับมาให้ได้ทั้งหมดเพื่อนำไปสู่การเบิกจ่ายคืนให้กับสมาชิกที่ประสงค์จะเบิกเงินคืน ขณะที่ พันตำรวจโทประจักษ์ หาญทอง รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.นบพิตำ ระบุว่าขณะนี้กรีณีการเข้าแจ้งความของกลุ่มชาวบ้านนั้นมีมาตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งได้ประสานกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นแต่ยังไม่แล้วเสร็จ ในส่วนของพนักงานสอบสวนนั้นทำในส่วนการรวบรวมพยานหลักฐาน รวมทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาว่ามีความผิดเกิดขึ้นหรือไม่อย่างไร และในช่วงขั้นตอนไหน ใครเป็นผู้ต้องหาบ้าง โดยผู้เข้าชื่อแจ้งความในขณะนี้มีมากกว่า 300 รายจากทั้งหมดประมาณ 2 พันราย.//////