WHAUP ติดตั้ง Solar ให้บริษัท คอนติเนนทอล ไทร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านการผลิตยางรถยนต์ระดับโลกจากเยอรมันในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 4 ขนาดกำลังผลิตไฟฟ้า 4.2 เมกะวัตต์ คาดติดตั้งแล้วเสร็จพร้อมรับรู้รายได้ ในเดือนก.พ.64 นายนิพนธ์ บุญเดชานันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP เปิดเผยว่า บริษัทประสบความสำเร็จจากการให้บริการติดตั้งโครงการ Solar System แบบครบวงจร จากกลุ่มลูกค้าในและนอกนิคมอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เป็นผลจากประสบการณ์ความเชี่ยวชาญด้านสาธารณูปโภคและพลังงานของบริษัท รวมถึงความแข็งแกร่งของโครงสร้างทางธุรกิจ ยิ่งเป็นการตอกย้ำศักยภาพความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุนให้เข้ามาขยายการลงทุนเพิ่มยิ่งขึ้น ทั้งนี้ล่าสุด WHAUP ได้มีการลงนามสัญญา เพื่อติดตั้ง Solar System ให้กับบริษัท คอนติเนนทอล ไทร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านการผลิตยางรถยนต์ระดับโลกจากประเทศเยอรมัน ในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 4 จังหวัดระยอง ประกอบด้วยการติดตั้ง Solar บนหลังคาโรงงาน 2 อาคาร จำนวน 27,400 ตารางเมตร โดยอาคารแรกมีขนาดติดตั้ง 482 กิโลวัตต์ และอาคารที่ 2 มีขนาดติดตั้ง 2,275 กิโลวัตต์ ส่วนการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาที่จอดรถ (Solar Carpark) พื้นที่ขนาด 8,400 ตารางเมตร มีขนาดติดตั้ง 958 กิโลวัตต์ และ Solar Floating บนพื้นที่บ่อน้ำ จำนวน 7,000 ตารางเมตร มีขนาดติดตั้ง 475 กิโลวัตต์ ทั้งนี้ขนาดกำลังผลิตไฟฟ้ารวมทั้ง 4 ส่วน คิดเป็นจำนวน 4,190 กิโลวัตต์ หรือคิดเป็น 4.2 เมกะวัตต์ ภายใต้อายุสัญญาในการให้บริการ 15 ปี โดยโครงการดังกล่าวคาดว่าจะดำเนินการติดตั้งแล้วเสร็จ พร้อมทยอยรับรู้รายได้ ภายในเดือนก.พ.64 โดยภายหลังจากการติดตั้ง Solar System ให้กับบริษัทคอนติเนนทอล ไทร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ขนาดกำลังผลิตไฟฟ้ารวม 4.2 เมกะวัตต์แล้วเสร็จจะส่งผลให้ยอดกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นของ WHAUP เพิ่มขึ้นแตะระดับ 597 เมกะวัตต์ โดย WHAUP จะมีรายได้จากโครงการนี้เฉลี่ยต่อปีที่จำนวน 16.3 ล้านบาท ทั้งนี้ภายใต้สัญญาการให้บริการทั้งสิ้น 15 ปี WHAUP จะมีรายได้รวมทั้งสิ้นประมาณ 223 ล้านบาท นายวิกเนช เดวาเซนาพาที ผู้จัดการโรงงาน บริษัท คอนติเนนทอล ไทร์ส (ประเทศไทย) จำกัดกล่าวว่า เหตุที่บริษัทติดตั้ง Solar System เนื่องจากมองว่าเป็นการช่วยลดต้นทุนการผลิต ให้กับบริษัทได้มากถึง 360 ล้านบาท ภายในอายุการใช้งาน 25 ปี และยังเป็นการช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 Offset) ของโรงงานที่ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศตามนโยบายลดโลกร้อนจากภาวะเรือนกระจก ซึ่งบริษัทให้ความสำคัญต่อประเด็นดังกล่าวมาโดยตลอด สำหรับปัจจุบันบริษัท บมจ. ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตีส์ แอนด์ พาวเวอร์ มีโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งที่เริ่มดำเนินการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ไปแล้วและอยู่ระหว่างดำเนินการติดตั้งทั้งหมดจำนวน 47 เมกะวัตต์ โดยโครงการที่อยู่ระหว่างติดตั้ง 28 เมกะวัตต์ ตามแผนจะทยอยเปิดดำเนินการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในไตรมาส 3/2563 ถึงไตรมาส 1/2564 ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพการให้บริการ และความสนใจของกลุ่มลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมซึ่งให้ความสนใจพลังงานที่เป็น Green Energy สามารถช่วยลดต้นทุน ประหยัดพลังงาน และรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น