ตึงเครียดหนัก! "สหรัฐฯ"ระดมทหารกองกำลังพิทักษ์แห่งชาติ 7 พันนาย อาวุธสงครามครบมือ คุมเข้ม 15รัฐ พร้อมประกาศ"เคอร์ฟิว"เพิ่มเป็น 40 เมือง ขณะที่"ม็อบมะกัน"ไม่กลัวท้าทายเคอร์ฟิวเดินหน้าประท้วง ตร.ไม่หยุด ส่วนครอบครัว"จอร์จ ฟลอยด์"ให้สัมภาษณ์ครั้งแรก จี้หัวหน้าตำรวจมินนีอาโพลิส จับกุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการตายของ "ฟลอยด์"ทั้งหมด จากกรณีได้มีการชุมนุมประท้วงในหลายเมืองของประเทศสหรัฐอเมริกา จากเหตุการณ์เสียชีวิตของนาย จอร์จ ฟลอยด์ "George Floyd" ชาวผิวสี ภายหลังการถูกควบคุมตัวโดยตำรวจในเมืองมินนีแอโปลิส รัฐมินนิโซตา เมื่อวันที่ 25 พ.ค.63 ที่ผ่านมา ซึ่งก่อให้เกิดการจลาจลลุกฮือในเมืองต่าง ๆ ทั่วทั้งสหรัฐฯ และการชุมนุมประท้วงในหลายเมืองได้บานปลายจนมีการใช้ความรุนแรง การปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและการทำลายทรัพย์สินธุรกิจการค้า กระทั่งทางการท้องถิ่นที่ประกาศภาวะฉุกเฉินและมีคำสั่งบังคับใช้มาตรการเคอร์ฟิวนั้น ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.63 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า บรรดาผู้ชุมนุมในเมืองและรัฐต่างๆ ของสหรัฐฯ ยังคงรวมตัวประท้วงอย่างต่อเนื่อง โดยไม่สนใจต่อคำสั่งของทางการท้องถิ่นที่ประกาศภาวะฉุกเฉินและมีคำสั่งบังคับใช้มาตรการเคอร์ฟิว ห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานในเวลาที่กำหนดก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเมืองมินนีอาโพลิส รัฐมินนีโซตา ซึ่งการชุมนุมประท้วงดำเนินมาอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 ติดต่อกันแล้ว นับตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ที่แล้ว จนถึงช่วงค่ำของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตามวันเวลาท้องถิ่น นอกจากนี้ ทางการสหรัฐฯ ได้ระดมทหารกองกำลังพิทักษ์แห่งชาติจำนวนรวมทั้งสิ้น 7,000 นาย พร้อมอาวุธสงครามครบมือ สำหรับรับมือสถานการณ์ความรุนแรงจากกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยทหารกองกำลังพิทักษ์แห่งชาติจำนวน 5,000 นาย ถูกส่งไปปฏิบัติการในพื้นที่ 15 รัฐ ส่วนอีก 2,000 นาย เตรียมความพร้อมที่จะออกปฏิบัติการได้ทุกเมื่อตามที่รัฐต่างๆ ร้องขอมา รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า การประท้วงยังได้ลุกลามไปยังเมืองและรัฐอื่นๆ แทบจะทั่วสหรัฐฯ และกลายเป็นจลาจลสร้างความเสียหายให้แก่ทรัพย์สินเป็นบริเวณกว้าง และเกิดการปล้นสะดมตามเมือง จนส่งผลให้ทางการท้องถิ่น ประกาศภาวะฉุกเฉินและมีคำสั่งเคอร์ฟิว ห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานตามเวลาที่กำหนด โดยเบื้องต้นเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา คำสั่งเคอร์ฟิวมีผลบังคับใช้ในพื้นที่ 25 เมืองของรัฐต่างๆ ล่าสุด เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ทางการท้องถิ่นในสหรัฐฯ ได้ประกาศบังคับใช้คำสั่งเคอร์ฟิวในพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 40 เมืองในรัฐต่างๆ แล้ว ขณะที่ นายฟิโลไนส์ ฟลอยด์ พี่ชายของนายจอร์จ ฟลอยด์ ชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน ผู้เสียชีวิตจากการถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองมินนีอาโพลิส รัฐมินนีโซตา จนกลายเป็นชนวนการชุมนุมประท้วงและจลาจลไปทั่วสหรัฐฯ ในเวลานี้ ได้ออกมากล่าวเป็นครั้งแรก เมื่อช่วงเช้าของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตามวันเวลาท้องถิ่นว่า ขอเรียกร้องให้นายเมดาเรีย อาร์ราดอนโด หัวหน้าตำรวจแห่งเมืองมินนีอาโพลิส รัฐมินนีโซตา จับกุมบรรดาเจ้าหน้าที่ตำรวจนายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องต่อการเสียชีวิตของนายจอร์จ ฟลอยด์ น้องชายของเขา เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ก่อน รายงานข่าวแจ้งว่า การเรียกร้องของนายฟิโลไนส์ ฟลอยด์ ข้างต้น สอดคล้องกับกระแสเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงตามเมืองต่างๆ ในสหรัฐฯ ที่ต้องการให้ทางการจับกุมและดำเนินคดีต่อบรรดาเจ้าหน้าที่ตำรวจนายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของนายจอร์จ ฟลอยด์ พร้อมกันนี้ ทางกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง ยังมีความเห็นว่า นายดีเร็ค โชวิน เจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเป็นผู้ใช้เข่ากดเข้าที่คอของนายจอร์จ ฟลอยด์ จนหายใจไม่ออกเป็นเวลานานถึง 9 นาที จนถึงแก่ชีวิตนั้น ถูกดำเนินคดียังไม่สาสมต่อการกระทำของเขา โดยนายดีเร็ค โชวิน ถูกดำเนินคดีใน 3 ข้อหา อาทิ ทำให้คนตายโดยไม่เจตนา และฆ่าคนตายโดยประมาท เป็นต้น พร้อมกันนี้ นายดีเร็ค ยังถูกไล่ออกจากการเป็นตำรวจอีกด้วย