ผู้ว่าฯนราธิวาส ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการดับไฟป่าพรุบาเจาะ เผยดำเนินการตามแนวทางของ มท. 2 ระดมสรรพกำลังทุกภาคส่วนเร่งดับไฟโดยเร็ว ล่าสุดเสียหาย 2,238 ไร่ วันนี้ (1 มิ.ย. 63) ที่บริเวณคลองสาย 4 (เก่า) หมู่ที่ 2 ต.ลุโบะบือซา อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วยนายไพโรจน์ จริตงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายยาลา ใบกาเด็ม นายอำเภอยี่งอ นายไพศาล ขุนศรี หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนราธิวาส และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการดับไฟป่าพรุบาเจาะ ซึ่งขณะนี้ยังคงมีไฟคุกรุ่น โดยสร้างความเสียหายไปแล้วประมาณ 2,238 ไร่ เพิ่มขึ้นจากเมื่อวานนี้ 100 ไร่ ซึ่งเหตุเพลิงไหม้พื้นที่ป่าอนุรักษ์ (ป่าไม้ส่วนกลางร้อยละ 20 นิคมสหกรณ์บาเจาะ) เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 โดยมีศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดนราธิวาสฯ ร่วมกับอำเภอ องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ตำรวจ ทหาร และอาสาสมัครในพื้นที่ระดมเครื่องมือและสรรพกำลังในการดับไฟป่าร่วมกัน นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า หลังจากนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) มาให้แนวทางการดับไฟป่าก็ได้ดำเนินการตามนั้น โดยได้เพิ่มเครื่องสูบส่งน้ำระยะไกล จาก ปภ.อีก 1 เครื่อง เพิ่มเครื่องหาบหาม เครื่องสูบน้ำ ทั้งของชลประทาน ทรัพยากรน้ำภาค 8 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเพิ่มกำลังเข้ามาในพื้นที่ แต่ด้วยสภาพของพื้นที่และไฟที่ไหม้ลงในแนวดิ่งใต้ดินทำให้การดับไฟเป็นไปได้ยากมากขึ้น วันนี้ได้ลงมาดูสภาพพื้นที่จริงพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อวางแผนดำเนินการ โดยในวันนี้ไฟไหม้ป่าพรุบาเจาะเพิ่มอีกเกือบ 100 ไร่ รวมประมาณ 2,200 ไร่เศษ ทุกภาคส่วนได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ในการแก้ไขปัญหาตั้งแต่เช้ายันค่ำทุกวัน และมีการประชุมสรุปการทำงานแต่ละวัน เพื่อนำไปสู่การวางแผนในวันพรุ่งนี้ต่อไป ได้ขอความช่วยเหลือ จากหน่วยงานต่างๆ ทั้งจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่จะให้เครื่องบินมาบินทำฝนเทียม ซึ่งวันนี้ในจังหวัดนราธิวาสมีฝนตกบริเวณป่าเขาในพื้นที่แว้ง สุคิริน รือเสาะ แต่ไม่ได้ตกในบริเวณนี้ทำให้ต้องใช้ความพยายามเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า ซึ่งน้ำในคลองสาย 4 จะเติมเข้ามาโดยชลประทานเพื่อสูบเข้าไปดับไฟในบริเวณต่างๆ แม้จะดับไฟในแนวราบไปแล้วแต่ยังมีอยู่ใต้ดินซึ่งต้องพยายามกันต่อไป ในด้านผลกระทบช่วงกลางคืนในพื้นที่เขตเขตเทศบาลเมืองจะมีควัน ไปป่าพัดเข้าไป เนื่องจากสภาพลมเปลี่ยนทิศทาง โดยชุมชนที่อยู่ใต้กระแสลมก็จะได้รับผลกระทบด้านควันไฟ ฝุ่นละออง จึงขอให้ชาวนราธิวาสใส่หน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า พยายามไม่ออกนอกบ้านในช่วงเวลานั้น แต่หมอกควันจะอยู่ในช่วงระยะเวลาหนึ่งและหมุนไปทางอื่นอีก เมื่อเช้านี้ได้เน้นย้ำให้สาธารณสุขจังหวัดจัดระบบดูแลสุขภาพประชาชนโดยลงไปสู่ระดับชุมชน ทั้งกองสาธารณสุขเทศบาล รพ.สต. ในพื้นที่ที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากหมอกควัน ก็พยายามเข้าไปเยี่ยม และแนะนำการปฏิบัติตัว โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เด็ก รวมทั้งผู้ที่เป็นโรคระบบทางเดินหายใจ จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสพร้อมคณะได้เดินทางต่อไปยังมัสยิดอะลวาฮาบ บ้านฮูแตยือลอ ต.บาเระใต้ อ.บาเจาะ เพื่อร่วมหารือแนวทางการดับไฟป่ากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายอภิวัฒน์ ชนะสงคราม ผู้อำนวยการโครงการชลประทานนราธิวาส นายชิดชนก สุขมงคล ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนราธิวาส พร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานสหกรณ์จังหวัดนราธิวาส สถานีควบคุมไฟป่านราธิวาส นิคมสหกรณ์บาเจาะ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม โดยมีการนำเสนอสภาพปัญหา และแนวทางการดับไฟป่าร่วมกัน ซึ่งขณะนี้มีการสูบน้ำเข้าแปลงป่าพรุรวมทั้ง 3 จุด ตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2563 ปริมาณน้ำประมาณ 105,720 ลูกบาศก์เมตร ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสได้มอบน้ำดื่ม ขนมขบเคี้ยว และหน้ากากอนามัยให้แก่เจ้าหน้าที่เพื่อเป็นกำลังใจ ในการปฏิบัติงานอีกด้วย สำหรับการเกิดไฟป่าพรุบาเจาะ ส่งผลกระทบต่อสภาพอากาศ โดยมีฝุ่นละอองและควันไฟในอากาศในเขตเมืองและพื้นที่ใกล้เคียงบริเวณที่เกิดไฟไหม้ป่าพรุ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในบริเวณดังกล่าว โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้สูงอายุ ผู้ที่เป็นโรคหอบหืด โรคปอด ภูมิแพ้ โรคทางเดินระบบหายใจ ซึ่งควรสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าป้องกันควันไฟ รวมทั้งปิดประตูหน้าต่างเพื่อป้องกันฝุ่นควันเข้าบ้าน และหากมีอาการผิดปกติควรรีบพบแพทย์