น.ส.ฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด หรือ YLG เปิดเผยว่า แนวโน้มการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงนี้ ยังมีความผันผวน เนื่องจากมีทั้งปัจจัยลบและปัจจัยบวกหลายด้าน โดยประเด็นหลักๆยังอยู่ที่สงครามการค้าจีน-สหรัฐฯที่เริ่มมีความตึงเครียดมากขึ้น หลังจากสภานิติบัญญัติของจีนลงมติ “รับรอง”ร่างกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในของฮ่องกงที่เป็นการเปิดทางให้จีนสามารถก่อตั้งหน่วยงานที่ทำหน้าที่รักษาความมั่นคงแห่งชาติขึ้นภายในฮ่องกงได้ โดยมีเป้าหมายเพื่อรับมือการประท้วงสนับสนุนประชาธิปไตยในฮ่องกง ซึ่งได้สร้างความไม่พอใจให้แก่สหรัฐเป็นอย่างมาก ทั้งนี้แม้ปัจจัยดังกล่าวจะหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้น แต่ก็มีแรงขายสลับออกมาจากความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงที่ทะยานขึ้น ขานรับเศรษฐกิจสหรัฐและประเทศอื่นๆทั่วโลกที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น หลังจากรัฐบาลหลายประเทศเดินหน้าผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ขณะที่ความคืบหน้าเกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยสลับออกมาเป็นระยะ โดยเบื้องต้นแนะนำนักลงทุน เน้นลงทุนระยะสั้น พร้อมกำหนดเป้าหมายในการลงทุน และกำหนดจุดตัดขาดทุนประกอบการลงทุนเพื่อควบคุมความเสี่ยงทุกครั้ง โดยแนะนำแบ่งทองคำออกขายหากราคา Gold Spot ไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านบริเวณ 1,754-1,765 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ แต่หากยืนได้จะเห็นการดีดตัวของราคาต่อ โดยประเมินแนวต้านถัดไปที่ 1,788 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แล้วรอราคาปรับตัวลดลงและค่อยซื้อคืนหากราคาไม่หลุดแนวรับแรกบริเวณ 1,693 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยกำหนดตัดขาดทุนสถานะซื้อบริเวณ 1,690 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพื่อถอยจุดซื้อคืนไปยังแนวรับถัดไป 1,668 ดอลลาร์ต่อออนซ์