คอลัมน์ “ด้วยสมองและสองมือ” สถานการณ์ภัยแล้งในปีนี้ มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น เป็นผลมาจากปี 2562 เกิดปรากฎการณ์เอลนีโญกำลังอ่อน ทำให้ฤดูร้อนยาวนานกว่าปกติ และเกิดภาวะฝนทิ้งช่วง ส่งผลให้ปริมาตรน้ำในเขื่อนที่ใช้การได้ทั้'ประเทศไทยของปี 2562 อยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับปริมาณฝนสะสม 3 เดือนแรกของปี 2563 อยู่ในเกณฑ์ต่ำ ทำให้ปริมาตรน้ำในเขื่อนที่ใช้การได้ทั้งประเทศในปี 2563นี้ จึงมีแนวโน้มลดลง นายณรงค์ แผ้วพลสง เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเปิดเผยว่า การปลูกพืชด้วยระบบน้ำหยดแบบอัจฉริยะจากงานฟาร์มพืชในโรงเรือนอัจฉริยะของวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีพะเยา เป็นการเรียนรู้ของนักเรียน นักศึกษา ผ่านการฝึกปฏิบัติงานจริงโดยมีครูเป็นผู้ให้คำแนะนำ โดยการปลูกพืชด้วยระบบน้ำหยดนี้จะช่วยประหยัดทรัพยากรน้ำในการทำการเกษตร เหมาะกับการทำเกษตรในช่วงหน้าแล้งที่มีน้ำน้อย และลดปัญหาการระบาดของโรคและแมลง ตลอดจนเกิดความแม่นยำในกระบวนการผลิต ซึ่งได้นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการควบคุมปัจจัยต่างๆ ของการผลิต เพื่อให้ผลผลิตมีคุณภาพ และลดต้นทุนผลิตให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการจัดการศึกษาให้เป็นไปตามนโยบายและจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการ และเพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ จึงได้ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้เรียนอาชีวศึกษานำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อการเกษตร ตลอดจนเน้นการทำเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และปลอดภัยจากสารเคมีอันตราย เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดีและมีคุณภาพ นายสมพงษ์ คำสุก หรือน้องหล้า ชั้นปวช.3 สาขาวิชาเกษตรศาสตร์ สาขางานการเกษตร วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีพะเยา เล่าว่า ตนและเพื่อน ๆ ได้เรียนรู้การปลูกพืชปลอดภัยด้วยระบบน้ำหยดแบบอัจฉริยะซึ่งมีครูสมภพ สมยา แผนกวิชาพืชศาสตร์ เป็นครูที่ปรึกษา สำหรับข้อดีของการใช้ระบบน้ำหยด คือประหยัดน้ำ สามารถทำงานโดยไม่ต้องใช้แรงดันมาก ใช้เพียงปั๊มน้ำ ท่อหลัก และท่อแขนงที่มีขนาดเล็กกว่าระบบน้ำแบบอื่นๆ ซึ่งในบางพื้นที่ไม่จำเป็นต้องใช้ปั๊มน้ำ หากแหล่งน้ำสูงกว่าพื้นที่เพาะปลูก 10 เมตร ช่วยลดปัญหาในเรื่องวัชพืช แมลงศัตรูพืช โรคต่าง ๆ ที่ระบาดในพืช อีกทั้งยังสามารถรดน้ำและให้ปุ๋ยไปกับน้ำได้ โดยไม่เสียปุ๋ยไปในตำแหน่งที่ไม่ต้องการให้ และยังสามารถใช้ควบคู่กับพลาสติกคลุมดินเพื่อรักษาความชื้นในดิน ทำให้พืชเจริญเติบโตสม่ำเสมอกันและได้ผลผลิตที่ดี มีคุณภาพ ทั้งยังช่วยลดต้นทุน เพิ่มความแม่นยำและมีมาตรฐานในกระบวนการผลิตอีกด้วย โดยโครงการปลูกพืชปลอดภัย ใส่ใจผู้บริโภคของวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีพะเยา จะเป็นการปลูกพืชในโรงเรือนกึ่งปิดที่สามารถควบคุมโรคและแมลงศัตรูพืชได้โดยไม่ต้องใช้สารเคมีกำจัดแมลง และที่สำคัญมีการควบคุมการให้น้ำโดยระบบน้ำหยดแบบอัจฉริยะ เป็นระบบที่คอยควบคุมการให้น้ำกับพืชตามความต้องการของพืชในแต่ละชนิด โดยจะทำงานด้วยบอร์ดที่บันทึกข้อมูลแบบสมองกลฝังตัว จะให้น้ำพืชตามค่าความชื้นของดินที่กำหนด และบอกค่าเป็นเปอร์เซ็นต์ความชื้น หากค่าความชื้นในดินต่ำกว่าที่กำหนด ระบบจะสั่งให้เปิดจ่ายน้ำให้กับพืช และถ้าความชื้นเพียงพอตามที่พืชต้องการ ระบบก็จะสั่งปิดจ่ายน้ำทันที ยกตัวอย่าง การปลูกแตงโมในช่วงของการติดผลและการสร้างเนื้อ แตงโมจะต้องการน้ำในปริมาณที่ค่อนข้างมาก จึงเลือกใช้เทปน้ำหยดที่มีความหนาของเทป 0.22 มม. ระยะการหยดของน้ำ 10 ซม. อัตราการให้น้ำ 2 ลิตรต่อชั่วโมง ตนและเพื่อนๆ ใส่ใจทุกรายละเอียดในการปลูกตั้งแต่การเพาะเมล็ดพันธุ์ การเตรียมแปลง การปลูก การให้ปุ๋ย การดูแลรักษา จนถึงการคัดสรรผลผลิตที่ได้มาตรฐาน มีคุณภาพและปลอดภัย เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจในผลผลิตภายใต้ แบรนด์ “เด็กเกษตร” (Dek Kaset) ของวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีพะเยา หากสนใจสั่งจองผลผลิตล่วงหน้า (Pre order) ได้แก่ ข้าวโพดพันธุ์ราชินี ทับทิมสยามปลอดภัย ซึ่งจะปลูกในเดือนกรกฎาคม 2563 และจะเก็บเกี่ยวในเดือนกันยายน 2563 และแตงโมพันธุ์กินรีที่จะปลูกในเดือนตุลาคม 2563 และจะเก็บผลผลิตในเดือนมกราคม 2564 มีบริการจัดส่งทั่วประเทศ ติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่โทร.080-676-7370 หรือทางเฟสบุ๊คที่เพจ Dek Kaset เด็กเกษตร “วษท.พะเยา” หรือที่วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีพะเยา