ตามที่เมืองพัทยาได้ตรวจพบการก่อสร้างอาคารที่ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 และได้ออกคำสั่งให้รื้อถอนอาคารแบบ ค.7 เลขที่133/2548 ลงวันที่ 21เมษายน 2548 รายมูลนิธิมหกิจไพศาล ได้ทำการก่อสร้างอาคารรุกล้ำพื้นที่สาธารณะ โดยก่อสร้างอาคาร ค.ส.ล. 1ชั้น ขนาดประมาณ 8คูณ12 เมตร(ศาลเทพเจ้ากวนอู) และกำแพงสูง 2 เมตร ยาวประมาณ 40 เมตรซึ่งศาลปกครองสูงสุดพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ อ.293/2556 ลงวันที่ 26 เมษายน 2556พิพากษาคำสั่งเมืองพัทยาและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ฯ เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย เมืองพัทยาจึงได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และเข้าดำเนินการรื้อถอนอาคารตามคำสั่งให้รื้อถอนอาคาร แบบ ค.7 เลขที่133/2548 ลงวันที่ 21 เมษายน 2563 โดยกำหนดเข้ารื้อถอนอาคารและสิ่งปลูกสร้างในวันที่ 29 พ.ค.2563 เป็นต้นไป ซึ่งบรรยากาศโดยทางเมืองพัทยาได้นำแบริเออร์มากั้นบริเวณทางเข้า ออกด้านหน้าวังสามเซียน พัทยา ก่อนที่จะปิดป้ายประกาศบริเวณนี้เป็นพื้นที่สาธารณะประโยชน์ ผู้ใดบุกรุกหรือครอบครอง เป็นการกระทำความผิดฐานข้ายึดถือครองที่ดินของรัฐ ตามมาตรา 9 แห่ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 ต้องระวางโทษที่ประมวลตามกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 กำหนดไว้ นายเกียรติศักดิ์ ศรีวงษ์ชัย รองปลัดเมืองพัทยา กล่าวว่า ได้รับคำสั่งจากนายกเมืองพัทยาให้มาดำเนินการบังคับใช้กฎหมายในเรื่องกฎหมายควบคุมอาคาร ซึ่งทางเมืองพัทยาได้ตรวจพบการรุกรล้ำพื้นที่สาธารณะตั้งแต่ปี 2548 โดยมูลนิธิได้เข้ามาใช้พื้นที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ทางเมืองพัทยาก็ได้ร้องทุกข์ไป จนศาลพิพากษาว่าด้วยคำสั่งของเมืองพัทยาชอบด้วยกฎหมาย ทางเมืองพัทยาได้เข้ามาดำเนินการตามคำสั่งโดยให้รื้อถอน กำแพง และรื้อถอนหลังคาศาลเจ้ากวนอู ซึ่งในวันนี้ทางเมืองพัทยาได้เข้ามาดำเนินการปิดกั้นพื้นที่ก่อนที่จะเข้ามาดำเนินการรื้อถอนในวันถัดไป โดยจะใช้ระยะเวลาภายใน 1 เดือน