วันที่ 28 พฤษภาคม 2563 นางสาวสุกัญญา กุลสุวรรณ์ นายอำเภอแก้งคร้อ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิร่วมกับส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ตำรวจ ทหาร กำนันผู้ใหญ่บ้าน องค์กรต่างๆ และภาคเอกชน นักธุรกิจ พ่อค้า คหบดี ประชาชนชาวอำเภอแก้งคร้อ ได้ร่วมกันจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(ร.5) ขึ้น ณ.บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอแก้งคร้อเพื่อรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมีต่อชาติ บ้านเมือง และเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติคุณของพระองค์ท่าน
ซึ่งต่อมาเวลา09.00 น. นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการฯ พร้อมด้วย นางวันดี วุ่นซิ้ว นายกเหล่ากาชาดจังหวัด ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ ซึ่งมีการประกอบพิธีพราหมณ์ ประกอบพิธีสงฆ์ และประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และภาคประชาชน ร่วมพิธีบริเวณมณฑลพิธีจำนวนมากจนกระทั่งเสร็จพิธีดังกล่าว ขณะที่ทางด้าน ดร.ประเสริฐ บุญมา นักธุรกิจหนุ่ม เจ้าของบริษัทมากับบุญ กล่าวว่า สำหรับพิธีวางศิลาฤกษ์ฯในวันนี้ตนเองและครอบครัวพร้อมพนักงาน ตั้งใจเดินทางมาร่วมพิธีตั้งแต่ช่วงเช้าเพื่อรอร่วมทำพิธีอันเป็นมงคลกับชีวิตของตนเองและครอบครัวในครั้งนี้ได้บริจาคเงินเพื่อร่วมจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.5) เป็นจำนวนเงิน 50,000บาท(ห้าหมื่นบาทถ้วน)
นางสาว สุกัญญา กุลสุวรรณ์ เปิดเผยว่า ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราระเบียบการปกครองขึ้นใหม่ แยกหน่วยราชการออกเป็นกรมกองต่าง ๆ จากเดิมมี 6 กระทรวง คือ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กระทรวงนครบาล กระทรวงวัง กระทรวงการคลัง และกระทรวงเกษตราธิการ ได้เพิ่มอีก 4 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงธรรมการ มีหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับกิจการของพระสงฆ์ และการศึกษา กระทรวงยุติธรรม มีหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับคดีความที่ต้องตัดสินต่าง ๆ กระทรวงโยธาธิการ มีหน้าที่ดูแลตรวจตราการก่อสร้าง การทำถนน ขุดลอกคูคลอง งานที่เกี่ยวกับการก่อสร้าง และกระทรวงการต่างประเทศ มีหน้าที่ดูแลงานที่เกี่ยวข้องกับการต่างประเทศ
ในรัชสมัยของพระองค์ สยามประเทศได้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สร้างความวัฒนาให้กับชาติเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการไฟฟ้า การไปรษณีย์ โทรเลข โทรศัพท์ ฯลฯ ด้วยพระราชกรณียกิจที่ยังความผาสุกให้เกิดแก่ประชาชน ทวยราษฎร์ทั้งปวงจึงน้อมใจแสดงความจงรักภักดี ด้วยการถวายพระนามว่า “พระปิยมหาราช” หรือพระพุทธเจ้าหลวง ในการก่อสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่ลานหน้าที่ว่าการอำเภอเชียงแสน “เพื่อน้อมใจแสดงความจงรักภักดีที่พระราชกรณียกิจยังความผาสุกให้เกิดแก่ทวยราษฎร์ทั้งปวง”
ซึ่งต่อมาเวลา09.00 น. นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการฯ พร้อมด้วย นางวันดี วุ่นซิ้ว นายกเหล่ากาชาดจังหวัด ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ ซึ่งมีการประกอบพิธีพราหมณ์ ประกอบพิธีสงฆ์ และประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และภาคประชาชน ร่วมพิธีบริเวณมณฑลพิธีจำนวนมากจนกระทั่งเสร็จพิธีดังกล่าว ขณะที่ทางด้าน ดร.ประเสริฐ บุญมา นักธุรกิจหนุ่ม เจ้าของบริษัทมากับบุญ กล่าวว่า สำหรับพิธีวางศิลาฤกษ์ฯในวันนี้ตนเองและครอบครัวพร้อมพนักงาน ตั้งใจเดินทางมาร่วมพิธีตั้งแต่ช่วงเช้าเพื่อรอร่วมทำพิธีอันเป็นมงคลกับชีวิตของตนเองและครอบครัวในครั้งนี้ได้บริจาคเงินเพื่อร่วมจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.5) เป็นจำนวนเงิน 50,000บาท(ห้าหมื่นบาทถ้วน)
นางสาว สุกัญญา กุลสุวรรณ์ เปิดเผยว่า ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราระเบียบการปกครองขึ้นใหม่ แยกหน่วยราชการออกเป็นกรมกองต่าง ๆ จากเดิมมี 6 กระทรวง คือ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กระทรวงนครบาล กระทรวงวัง กระทรวงการคลัง และกระทรวงเกษตราธิการ ได้เพิ่มอีก 4 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงธรรมการ มีหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับกิจการของพระสงฆ์ และการศึกษา กระทรวงยุติธรรม มีหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับคดีความที่ต้องตัดสินต่าง ๆ กระทรวงโยธาธิการ มีหน้าที่ดูแลตรวจตราการก่อสร้าง การทำถนน ขุดลอกคูคลอง งานที่เกี่ยวกับการก่อสร้าง และกระทรวงการต่างประเทศ มีหน้าที่ดูแลงานที่เกี่ยวข้องกับการต่างประเทศ
ในรัชสมัยของพระองค์ สยามประเทศได้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สร้างความวัฒนาให้กับชาติเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการไฟฟ้า การไปรษณีย์ โทรเลข โทรศัพท์ ฯลฯ ด้วยพระราชกรณียกิจที่ยังความผาสุกให้เกิดแก่ประชาชน ทวยราษฎร์ทั้งปวงจึงน้อมใจแสดงความจงรักภักดี ด้วยการถวายพระนามว่า “พระปิยมหาราช” หรือพระพุทธเจ้าหลวง ในการก่อสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่ลานหน้าที่ว่าการอำเภอเชียงแสน “เพื่อน้อมใจแสดงความจงรักภักดีที่พระราชกรณียกิจยังความผาสุกให้เกิดแก่ทวยราษฎร์ทั้งปวง”