นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก Watana Muangsook ระบุว่า จากการอภิปราย พรก. เงินกู้ 1.0 ล้านล้านบาท สิ่งที่พรรคเพื่อไทยเป็นห่วงมากที่สุดคือเศรษฐกิจ เพราะมาตรการที่รัฐบาลใช้ในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด19 ไม่ได้สัดส่วนกับสถานการณ์ของโรคอันจะทำให้เศรษฐกิจเสียหายอย่างรุนแรง . ห่วงประการแรกคือเงินกู้จำนวน 1.0 ล้านล้านบาทและที่จะต้องกู้มาชดเชยการขาดดุลงบประมาณประจำปี 2564 อีก 523,000 ล้านบาท จะทำให้อัตราส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีพุ่งขึ้นไปถึงร้อยละ 57 นั่นคือรัฐบาลจะสามารถกู้ยืมเงินได้อีกไม่เกินร้อยละ 3 หรือเป็นเงินไม่เกิน 500,000 ล้านบาท หากรัฐบาลไม่สามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจหรือมีกรณีฉุกเฉินที่ต้องใช้เงินอีกรัฐบาลจะเอาที่ไหนมาแก้ปัญหา . ห่วงต่อมาคือเงินกู้ 400,000 ล้านบาท ที่จะใช้ฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ถือเป็นเงินก้อนสุดท้ายแล้วซึ่งรัฐบาลมุ่งเน้นไปที่การกระตุ้นให้เกิดการบริโภคภายในอันเป็นเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจตัวเดียวที่จะต้องจุดให้ติดเพื่อต่อลมหายใจประเทศ แต่ตามแผนงานบัญชีแนบท้าย พรก. รวม 4 แผนล้วนมุ่งเน้นการใช้เงินเพื่อการลงทุน ปัญหาคือรัฐบาลจะสร้างกำลังซื้อให้เกิดขึ้นกับคนไทยได้อย่างไรเพราะขาดกำลังซื้อมาก่อนที่จะเกิดโควิดแล้ว หากปราศจากกำลังซื้อเงินลงทุนก้อนนี้จะหมดไปโดยไม่ได้อะไรคืนมา . ห่วงต่อมาคือคนตกงานอีกราว 8-10 ล้านคน ที่ไม่มีจะกินและการเยียวยาของรัฐบาลจะสิ้นสุดในเดือนมิถุนายน ปัญหาที่รัฐบาลยังไม่ตอบคือจะดูแลคนพวกนี้อย่างไร ถ้าจะกู้เงินเพิ่มก็ทำไม่ได้เพราะชนเพดานหนี้สาธารณะแล้ว ส่วนการลงทุนเพื่อรองรับเศรษฐกิจใหม่หลังโควิด19 ก็ยังไม่เห็นวิสัยทัศน์ของรัฐบาล นอกจากการออกมาแก้ตัวของพลเอกประยุทธ์ว่าไม่ได้ก่อหนี้เพิ่ม ทั้งที่เป็นคนเดียวที่ก่อหนี้สูงสุดให้กับประเทศก่อนที่จะเกิดโควิด19 ตามหลักฐานการก่อหนี้สาธารณะที่โพสต์มา . ผมได้แต่เอาใจช่วยเพราะรัฐบาลต้องการเอาการแก้ปัญหาโควิด19 มากลบความล้มเหลวทางเศรษฐกิจ ถ้าไม่มีปัญญาแก้ปัญหาก็ควรให้ประชาชนได้กลับไปทำมาหากิน จำไว้ว่ายิ่งยกเลิก พรก. ฉุกเฉินช้าหายนะและกลียุคจะมาเร็วมากขึ้น