วันที่ 29 พ.ค.63 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ยังคงพบว่ามีผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามประกาศข้อกำหนดอันมีความผิดตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 และอาจส่งผลทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดกลับมารุนแรงขึ้นอีก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มีการกำชับให้ทุกหน่วยในสังกัดขับเคลื่อนนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยให้เจ้าหน้าที่มุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง และต่อเนื่องร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุข ฝ่ายปกครอง ทหาร และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้ จากการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายหลังจากมีมาตรการผ่อนปรนคลายล็อกระยะที่ 2 โดยได้เริ่มตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค.63 ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมด้วยหน่วยร่วมปฏิบัติได้ออกตรวจกิจการและกิจกรรมต่าง ๆ ที่ได้รับการผ่อนคลาย ไปแล้วกว่า 100,000 แห่ง ในภาพรวมนั้นพบว่า โดยส่วนใหญ่ทุกภาคส่วนให้ความร่วมมือดีและปฏิบัติตามข้อกำหนด แต่ยังมีกิจการบางประเภทที่ยังฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฯ มีการออกนอกเคหสถานโดยไม่มีเหตุอันควร และ รวมกลุ่ม ชุมนุม มั่วสุม ในลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อฯ จำนวนหนึ่ง เช่น เหตุการณ์เมื่อคืนของ วันที่ 28 พ.ค.63 เวลา 22.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และสาธารณสุข ร่วมกันจับกุม กลุ่มลูกค้าและเจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ นั่งรวมกลุ่มดื่มแอลกอฮอล์ภายในร้าน ซึ่งเป็นการ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในข้อหา “ร่วมกันชุมนุม การทำกิจกรรม มั่วสุมกัน ณ ที่ใด ๆ ในสถานที่แออัดหรือกระทำการดังกล่าวอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบ” จำนวน 8ราย ในส่วนของเจ้าของร้าน ถูกดำเนินคดีในข้อหา จำหน่ายสุราโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ขอประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชน รวมถึงผู้ประกอบการร้านค้าต่างๆ แม้จะผ่อนปรนคลายล็อกระยะที่ 2 แต่ยังไม่ควรคลายกังวล ให้ปฏิบัติตามกฎหมายประกาศ ข้อกำหนดของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในทุกพื้นที่ อย่างเคร่งครัด ซึ่งความมีวินัยของทุกคนจะช่วยกันทำให้ผ่านพ้นวิกฤติของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ครั้งนี้ไปได้