กลายเป็นเรื่องน่าแปลกใจ อยู่ไม่น้อยเมื่อ “พรรคใหญ่” ในฐานะ “แชมป์เก่า” อย่าง “เพื่อไทย”เลือกโยนผ้า สละสิทธิ์ ไม่ส่งผู้สมัครลงสู้ศึกในสนามเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 4 จังหวัดลำปาง แถมยังเป็นการออกมาแจ้งเอา “วันสุดท้าย” ของการรับสมัคร เมื่อ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา “ทนุศักดิ์ เล็กอุทัย” ผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย เปิดเผยอย่างเป็นทางการ ว่า พินิจ จันทรสุรินทร์ แคนดิเดตผู้สมัคร ส.ส. จากพรรค จะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ลำปาง เขต 4 แทนตำแหน่งที่ว่าง เนื่องจากพินิจเพิ่งเสียลูกชายไป ประกอบกับอายุมากแล้ว จึงไม่อยากลงสมัครรับเลือกตั้ง แน่นอนว่าเมื่อพินิจ ในวัย 83 ปี ตัดสินใจที่จะไม่ลงเล่นในสนามใหญ่โดยมีสาเหตุหลักอยู่ที่เขาเองเพิ่งสูญเสีย บุตรชายคือ “อิทธิรัตน์ จันทรสุรินทร์” ส.ส.ลำปาง เขต 4 พรรคเพื่อไทย ที่เสียชีวิต ในวัย 56 ปีจากภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด ภายหลังจากที่เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลพระมงกุฎ เมื่อวันที่ 7พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้พรรคเพื่อไทยต้องยอมรับการตัดสินใจของพินิจ อดีตส.ส.ลำปาง 18 สมัย ขณะที่ พรรคก้าวไกล เองที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า หมายมั่นปั้นมือที่จะส่งผู้สมัครลงไปชิงเก้าอี้ส.ส.เขต 4 ลำปาง แต่สุดท้ายก็ต้อง “เบรคตัวโก่ง” เพราะติดปัญหาเรื่องข้อกฎหมาย เนื่องจาก ส.ส.ของพรรคที่ย้ายมาจาก พรรคอนาคตใหม่ หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุบพรรค ยังไม่มีใครสังกัดพรรคก้าวไกลได้เกิน 90วันตามที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้หากพรรคจะส่งผู้สมัครลงสนาม ก็ต้องมีคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัคร แต่เนื่องจากเวลานี้ทุกพรรคติดล็อคไวรัสโควิดระบาด จึงไม่มีการประชุมใหญ่ และเลือกคณะกรรมการชุดดังกล่าวได้ หมายความว่า พรรคก้าวไกลนั้น “ติดล็อค”ตั้งแต่ยกแรกว่าด้วยข้อกฎหมาย ที่พรรคไม่ควรสุ่มเสี่ยง ส่งผู้สมัครลงมา จนนำไปสู่การถูกร้องในภายหน้า เวลานี้จึงมีผู้สมัครลงชิงเก้าอี้ส.ส.ลำปาง เขต 4 ด้วยกัน 5คนประกอบด้วย วัฒนา สิทธิวัง พรรคพลังประชารัฐ , ร.ต.ท.สมบูรณ์ กล้าผจญ พรรคเสรีรวมไทย , อำพล คำศรีวรรณ จาก พรรคพลังท้องถิ่นไท , องอาจ สินอนันต์เศรษฐ์ จาก พรรคไทรักธรรม และ ปทิตตา ชัยมูลชื่น จาก พรรคเศรษฐกิจใหม่ หมายความว่าในสนามเลือกตั้งเขต 4 นี้ “ฝ่ายค้าน” ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล จะสามารถฝากความหวังเอาไว้ที่ ร.ต.ท.สมบูรณ์ จากพรรคเสรีรวมไทย ตามที่ทนุศักดิ์ ระบุกับสื่อว่า ผู้สมัครจากเสรีรวมไทย คือ “ตัวแทน” ของพรรคฝ่ายค้าน ในความเป็นจริงแล้วสนามเลือกตั้งซ่อมลำปาง รอบนี้เป็นที่สนใจและจับตามาโดยตลอด เพราะต้องไม่ลืมว่า สนามเลือกตั้งลำปางนั้นตระกูลจันทรสุรินทร์ ยึดพื้นที่มายาวนาน พินิจ คือส.ส.18 สมัยตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย -พลังประชาชน จนมาถึงพรรคเพื่อไทย ที่ส่งบุตรชายคืออิทธิรัตน์ ลงรักษาเก้าอี้ แต่เมื่อวันนี้ แชมป์เก่าอย่างตระกูลจันทรสุรินทร์ ไม่ลงเล่นจึงเท่ากับ โอกาสเปิดให้กับ “พรรคพลังประชารัฐ” ไปโดยปริยาย เมื่อการเลือกตั้งส.ส. วันที่ 24 มี.ค.2562 วัฒนา จากพรรคพลังประชารัฐ มีคะแนนเป็นอันดับสองรองจาก อิทธิรัตน์ โดยทิ้งห่างกันเพียง 12,000 กว่าคะแนนเท่านั้น ทำให้วันนี้ วัฒนา สิทธิวัง กลายเป็น “เต็งจ๋า”ในสนามเลือกตั้งซ่อมเขต 4 ลำปาง ซึ่งจะมีการเลือกตั้งขึ้นในวันเสาร์ที่ 20มิ.ย.นี้ อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่างานนี้แกนนำของพรรคพลังประชารัฐเอง แทบไม่ต้องลุ้นหรือตื่นเต้น แต่อย่างใด เพราะหากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ เองเคยให้สัมภาษณ์แสดงท่าทีมั่นใจว่า “ ทางพรรคได้เตรียมเอาไว้แล้ว เป็นคนเก่า และมั่นใจว่าจะได้เพิ่มมาอีกเสียง” ไฮไลต์ของการเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 4 ลำปาง รอบนี้ กำลังอยู่ที่ “ท่าที” ของ “พรรคฝ่ายค้าน” ทั้ง “เพื่อไทย-ก้าวไกล” ว่าต่างอ่อนล้า กันเต็มที เมื่ออดีตส.ส.18 สมัยอย่างพินิจ เลือกตัดสินใจที่จะไม่รักษาเก้าอี้เอาไว้ แล้วเปิดทางให้ “หน้าใหม่”จากพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล เข้ามา “ตีไข่แตก” เมื่อปัญหาอันเกิดจาก ข้อกฎหมาย จนไปกระทบกับคุณสมบัติของ คนที่จะลงสมัครในนามพรรคก้าวไกล มีอันต้องสะดุด หยุดลง จะถือว่า แพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มก็คงไม่ผิดนัก ส่วนความหวังที่จะไปฝากเอาไว้ที่ผู้สมัครของพรรคเสรีรวมไทย ตามที่ทนุศักดิ์ ระบุเอาไว้นั้นจะยิ่งเป็นการ ยากเต็มที ชัยชนะของพรรคพลังประชารัฐในสนามเลือกตั้งลำปาง เขต 4 รอบนี้ อาจไม่ใช่แค่ได้ที่นั่งส.ส.เพิ่มอีก 1 เก้าอี้ เท่านั้น หากแต่ยังเป็นการสะท้อนแนวรบ ป้อมค่ายของฝั่งตรงข้ามรัฐบาล ว่าจุดไหนยังแข็งแกร่ง และจุดไหน เปราะบาง ในคราวเดียวกัน !