คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์ เศรษฐช่วย “ประธานาธิบดีบารัก โอบามา” เป็นนักการเมืองที่ได้รับความนิยมชมชอบและได้รับคะแนนนิยมค่อนข้างสูงทั้งในประเทศและต่างประเทศมาโดยตลอด อีกทั้งขณะนี้ยังปรากฏว่า เขาออกมาวางตัวในบทบาทใหม่ โดยเข้าไปเป็นกระบอกเสียงและยังทุ่มเทตัวออกไปช่วยหาเงินบริจาคให้กับ“อดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน”และนักการเมืองสังกัดพรรคเดโมแครตอีกด้วย ทั้งนี้ในยุคของ “อดีตรองประธานาธิบดีอัล กอร์”ครั้งที่เขาตัดสินใจลงแข่งขันเลือกตั้งกับ “ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู. บุช” โดยครั้งนั้นรองประธานาธิบดีกอร์ส่ายหัวถอยออกห่างปฏิเสธความช่วยเหลือจาก “ประธานาธิบดีบิล คลินตัน” เพราะเขาเกรงไปว่าเหตุฉาวโฉ่ในการมีเพศสัมพันธ์อมของหลวงของโมนิก้า ลูวินสกี้กับประธานาธิบดีคลินตัน จะส่งผลด้านลบให้แก่ตัวเขา !!! แต่ทว่าครั้งนี้โจ ไบเดน มองว่าประธานาธิบดีบารัก โอบามาเป็นไอดอลของคนอเมริกันส่วนใหญ่ เขาจึงรีบฉกฉวยนำเอาความดีและความเด่นดังของโอบามา มาเกาะกระแสใช้ให้เป็นประโยชน์ทางการเมือง และถึงแม้ว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะอิจฉาตาร้อนอดรนทนไม่ไหวเกรงว่าเก้าอี้ในทำเนียบขาวจะกระเด็นหลุดไป จึงออกมาวิพากษ์วิจารณ์โจมตีประธานาธิบดีโอบามา แถมด้วยเอ่ยทั้งจากปากและปล่อยทั้งโพสต์ลงในทวิตเตอร์ดิสเครดิตประธานาธิบดีโอบามาต่อเนื่องตลอดๆในช่วงสามปีกว่าๆที่ผ่านมาก็ตาม แต่กลับปรากฏว่ามิได้ผลอย่างใดเลย อีกทั้งในการจัดอันดับของประธานาธิบดีทุกๆคนที่ผ่านมาของสหรัฐฯ ที่ทำขึ้นโดยนักรัฐศาสตร์และนักประวัติศาสตร์อเมริกันปรากฏผลออกมาว่า อันดับความนิยมของประธานาธิบดีโอบามาได้เพิ่มยอดสูงขึ้นถึงสี่ขั้น จากที่เคยอยู่ในอันดับที่ 12 แต่ขณะนี้เลื่อนขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 8 แล้ว!!! และจากการจัดอันดับของนักวิชาการกลุ่มนี้ยังปรากฎอีกว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 44 จากจำนวนของประธานาธิบดีสหรัฐฯทั้งหมด 45 คน สำหรับความตั้งมั่นในการช่วยเหลือโจ ไบเดน ครั้งนี้ของประธานาธิบดีบารัก โอบามา ได้ปรากฏออกมาอย่างชัดเจน โดยเมื่อวันที่ 14 เมษายนที่เพิ่งผ่านมานี้ ทันทีที่วุฒิสมาชิกเบอร์นี แซนเดอร์ส คู่ปรับทางการเมืองของโจ ไบเดนประกาศยอมถอนตัวออกจากการแข่งขันเพื่อเข้าไปเป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครต ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ก็ได้ออกมาแสดงเจตนารมณ์ที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยวางหมากเดินเกมเป็นกระบอกเสียงให้กับรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งการกระทำเยี่ยงนี้ นับว่ามิธรรมดาเลย ในวันประกาศสนับสนุนอดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประธานาธิบดีโอบามาได้ออกมาแถลงว่า “การตัดสินใจของข้าพเจ้าในครั้งนี้ นับว่าเป็นสิ่งที่ดีและยอดเยี่ยมที่สุด อีกทั้งรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน ก็เป็นเพื่อนสนิทที่รักคนหนึ่งของข้าพเจ้า” อนึ่งประธานาธิบดีโอบามายังได้เสริมเพิ่มเติมอีกว่า “รองประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีคุณสมบัติที่เพียบพร้อมจะเข้าไปรับตำแหน่งประธานาธิบดีมากที่สุด เพราะเมื่อพิจารณาถึงความเป็นผู้นำ รวมไปถึงประสบการณ์ที่ช่ำชองและเชี่ยวชาญ ดั่งจะเห็นได้จากเมื่อครั้งที่เกิดโรคระบาดอีโบล่าในปี 2009 โดยครั้งนั้นโจ ไบเดนได้ช่วยบริหารจัดการมิให้โรคระบาดร้ายแรงแพร่กระจาย ต่างจากเชื้อไวรัสโควิด 19 ที่กำลังระบาดหนักในขณะนี้” ในวันเดียวกันนั้นประธานาธิบดีโอบามาก็ยังได้หยอดยาหอมขนานเอกให้กับวุฒิสมาชิกเบอร์เนี แซนเดอร์ส ที่ยอมถอนตัวจากการแข่งขัน โดยแถลงว่า “วุฒิสมาชิกเบอร์นี แซนเดอร์ส เป็นผู้มีจิตอาสาอันเต็มเปี่ยมที่ยอมทุ่มเทเสียสละ และยังต้องการเป็นกระบอกเสียงให้แก่คนหาเช้ากินค่ำมาตลอดทั้งชีวิตอีกด้วย” และยังเป็นที่น่าสังเกตว่า ในการแข่งขันเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดีปี 2016 ประธานาธิบดีโอบามามิได้ยื่นมือช่วยเหลือฮิลลารี คลินตัน อย่างเต็มตัวเท่าที่ควร โดยเขารอจนถึงวาระสุดท้าย ทั้งๆที่ครั้งนั้นเธอก็เคยดำรงอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีฯต่างประเทศในช่วงสี่ปีแรกของเขา เท่ากับว่าการประกาศสนับสนุนรองประธานาธิบดีโจ ไบเดนในครั้งนี้ เป็นกรณีที่พิเศษแบบสุดสุด นอกจากนั้นแล้วประธานาธิบดีโอบามาก็ยังได้ชี้ว่า “รองประธานาธิบดีโจ ไบเดน เป็นบุคคลสำคัญที่เข้าไปช่วยฟื้นฟูสภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยสุดๆในยุคสมัยของข้าพเจ้าให้กลับคืนสู่ปกติ” ด้านการต่างประเทศประธานาธิบดีโอบามายังได้กล่าวคำชื่นชมว่า “รองประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีความรอบรู้ในการเลือกเฟ้นคัดสรรเลือกผู้ที่มีศักยภาพและผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ อาทินักวิทยาศาสตร์ นักการทหารมืออาชีพ เข้าร่วมบริหารประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง และยังทำงานร่วมกับประเทศพันธมิตรได้อย่างเหนียวแน่น โดยยึดเอาประเทศชาติเป็นใหญ่เหนือผลประโยขน์ของตนเอง” อดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน ก็ได้กล่าวตอบถึงความช่วยเหลือสนับสนุนในวันเดียวกันนั่นเองว่า “การที่อดีตประธานาธิบดีโอบามาเข้ามาเป็นแม่ทัพให้กับข้าพเจ้า เพื่อช่วยกันทำงานฟื้นฟูคุณภาพของผู้นำประเทศร่วมกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าใฝ่ฝันและปรารถนามากที่สุด” อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าประธานาธิบดีโอบามาจะพ้นจากตำแหน่งประธานาธิบดีไปแล้วก็ตามที แต่คะแนนนิยมของเขากลับเพิ่มสูงขึ้นติดต่อกันมาตามลำดับ แถมยังมีแฟนคลับคอยติดตามเขาในทวิตเตอร์กว่าสามสิบล้านคน มากกว่าประธานาธิบดีทรัมป์ด้วยซ้ำไป!!! การที่ประธานาธิบดีโอบามาออกมากล่าวย้ำๆซ้ำๆเสมอๆว่า โปรแกรมสวัสดิการสุขภาพเพื่ออเมริกันชนนั้น ถือเป็นหัวใจแห่งความสำเร็จในยุคสมัยที่เขาบริหารสหรัฐฯ ซึ่งในความเห็นของเขาควรจะขยายเพิ่มขึ้นมิใช่จะยุติล้มเลิกไป เหมือนดั่งความตั้งใจของประธานาธิบดีทรัมป์ อีกทั้งสหรัฐฯก็ควรจะกลับไปร่วมกับกลุ่มประเทศในข้อตกลงปารีสเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนที่ประธานาธิบดีทรัมป์ถอนตัวออกไป ซึ่งสหรัฐฯเป็นเพียงประเทศเดียวเท่านั้นที่กระทำเช่นนั้น กล่าวโดยสรุปประธานาธิบดีบารัก โอบามาและรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน ต่างตระหนักดีว่าศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงมิใช่เรื่องง่ายที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ที่มีพิษสงอันแสนแพราวพราวรอบตัวเยี่ยงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อีกทั้งเขาทั้งสองยังเล็งเห็นถึงเล่ห์เหลี่ยมที่เต็มไปด้วยลูกไม้และกลโกงในทุกๆรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาชวนเชื่อที่ไม่ยึดเอาความจริงขาดทั้งคุณธรรมและจริยธรรม เขาทั้งสองจึงตัดสินใจเข้าร่วมกันจับมือแท็กทีมต้องการเอาชนะประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ฉนั้นการแข่งขันเลือกตั้งของปี 2020 ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีก 5 เดือนกว่าๆ นับเป็นการแข่งขันที่น่าเร้าใจระหว่างสองขั้วหยินหยางที่แสนจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงละครับ