"นายช่างสวท.พิษณุโลก"มือปืนยิงเพื่อนร่วมงาน 3 ศพ เปิดปากสารภาพทำไปเพราะแค้นส่วนตัวกับผู้ตาย เผยหลังก่อเหตุโทรหาครอบครัวเตรียมฆ่าตัวตาย แต่เมียขอไว้ บ่นทุ่มเททำงานแต่อาชีพราชการไม่โต "ตำรวจ"ตั้งข้อหาหนัก คัดค้านประกันตัว ก่อนนำตัวฝากขัง 29 พ.ค.นี้ เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 28 พ.ค.63 พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก พร้อมกำลังตำรวจชุดสืบสวนทั้งในและนอกเครื่องแบบจำนวนกว่า 50 นาย ได้ควบคุมตัว นายวิม สอนสุด อายุ 59 ปี นายช่างไฟฟ้าชำนาญงาน ตำแหน่งนายช่างเครื่องส่ง ประจำสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จ.พิษณุโลก (สวท.พิษณุโลก) ที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. และ.38 รวม 2 กระบอก และอาวุธมีดหมอ ยิงใส่ร่างของเพื่อนร่วมงานเสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 1 ราย ประกอบด้วย 1.นายสานิตย์ บุตรมางกูล ผอ.สวท.พิษณุโลก 2.นายจิรวุฒิ สุเมธเทพานันท์ นายช่างไฟฟ้า 3.นายภูมิศรัณญ์ พันธ์ภูมิ นายช่างอาวุโส และนายปรุง จันทร์แดง ช่างเครื่องส่ง ได้รับบาดเจ็บสาหัส มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ท่ามกลางการคุ้มกันอย่างแน่นหนาและกั้นไม่ให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าพื้นที่ ก่อนพาไปยังจุดแรกที่นายวิม ผู้ต้องหา ใช้อาวุธปืนยิงนายจิรวุฒิขณะกำลังปีนบันไดปรับกล้องวงจรปิดอยู่บริเวณห้องโถงด้านหน้าจำนวน 3 นัด จากนั้น ไปยังจุดที่ 2 บริเวณห้องควบคุมเครื่องส่งได้ใช้อาวุธปืนยิงนายภูมิศรัณญ์เข้าที่แผ่นหลัง 5 นัด เสียชีวิตในสภาพนั่งฟุบแอบหลังตู้ไฟอยู่ภายในห้องจัดรายการวิทยุ และจุดที่ 3 ใช้อาวุธปืนยิงนายปรุงขณะเข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดีจนถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่ปากบาดเจ็บสาหัส ขณะนี้เข้าห้องผ่าตัดพ้นขีดอันตรายแล้ว และจุดที่ 4 บริเวณด้านหลังอาคาร สวท.พิษณุโลก ที่ใช้อาวุธมีดหมอแทงและใช้อาวุธปืนยิงใส่ร่างของนายสานิตย์ โดยใช้เวลาทำแผนประกอบคำรับสารภาพประมาณ 30 นาที ก่อนนำตัวกลับไปฝากขังไว้ก่อนที่ สภ.เมืองพิษณุโลก พร้อมกับจะรวมรวบพยานหลักฐานส่งฟ้องศาลในวันพรุ่งนี้ ด้าน นายวิม ผู้ต้องหา กล่าวเปิดใจระหว่างถูกควบคุมตัวว่า ตนเองเคยนั่งนับ 1-10 จนถึง 1,000 ถึงผ่านทุกอย่างมาได้ แต่วันที่เกิดเหตุนั้นตนนั่งกินยาอยู่ โดยมีนายจิรวุฒิโทรเข้ามาว่าให้หาออสตินหม้อแปลงแกนอากาศที่ไว้สำหรับใช้กับยอดเสาไฟให้หน่อย บอกว่าวางอยู่ตรงประตูตรงนี้ 3-4 วัน ตนก็บอกว่าไม่ได้ยุ่ง จนเขากลับมาตนก็ไปดูว่าออสตินนี่มีไหม ปรากฏว่าตนก็เจอก็เลยมาตามให้เขาไปดู แต่การตามให้เขาไปดูเนี่ยเขาพูดกลับมาเหมือนว่ามันไม่ใช่ที่เขาตามหา คือเขาไม่ด่าแต่ความรู้สึกคือตนจะรู้ไหมว่าเขาตามหาอะไรกันแน่ อยู่ดีๆ ตนนั่งอยู่เฮฮาดีๆ ก็ชอบหน้าบึ้งใส่ ส่วน นายภูมิศรัณญ์คนนี้ก็เป็นคนชอบเสี้ยม หลังจากยิงคนแรกแล้ว คนที่ 2 ก็คงมั่นใจว่าตัวเองไม่รอดแน่เลยวิ่งหนีไปจนตนตามไปยิงจนตายนั่นแหละ ส่วนตัวผอ.นี่ตนเดินออกมาข้างนอกตนก็ไม่รู้ว่าผอ.อยู่ตรงไหน เขามาโถมใส่ตน ตนก็ไม่ยอม ต่อสู้ยื้อยุดฉุกกระชากกัน หักข้อมือกันอยู่ ตนก็เอามือข้างหนึ่งดันคางเขาไว้ ปืนมันก็ลั่นส่ายไปส่ายมา ในกระเป๋าตนมีมีดหมออยู่เพราะตนเป็นคนชอบไสยศาสตร์ก็จะพกของพวกนี้ไว้ คือตอนนั้นคิดว่าถ้า ผอ.แย่งปืนไปได้ตนก็ตาย เลยใช้มือที่ค้ำคอผอ. ก่อนหยิบมีดออกไปจ้วงแทงตัดขั้วหัวใจ แล้วใช้อาวุธปืนยิง ส่วนคนเจ็บเอาจริงๆ ตนก็ไม่ได้มีเรื่องโกรธเคืองอะไรกับเขา เพียงแต่เขาเป็นคนที่เห็นเหตุการณ์ ถ้าเขารอดผมก็โอเค แต่ในความรู้สึกตอนนั้นหน้ามืดแล้ว บอกไม่ถูกแล้ว เอาจริงๆ เองก็พร้อมจะไป "วินาทีที่ทำภารกิจเสร็จนั่นคือผมโทรหาครอบครัวว่าผมจะไปแล้วนะ แต่แฟนผมครอบครัวผม เมียผมขอผมก็บอกเขาว่าถ้างั้นผมพร้อมจะเผชิญกับความจริง ผมมาขนาดนี้แล้วผมรับสารภาพว่ายิงทั้งหมด 4 คน มาถึงตอนนี้ผมไม่เหลืออะไรแล้วชีวิตผมมันจบแล้ว ผมสอบบรรจุ กพ.ได้เป็นรุ่นสุดท้าย ปี 2534 ทุ่มเทให้กับระบบราชการ ผมไม่เคยเกี่ยงงอน เอาความรู้ที่เคยทำงานกับบริษัทเอกชนมาทุ่มเทให้กับตรงนี้เต็มที่ แต่สุดท้ายผมคิดว่ารับราชการมาจะโตได้ต้องเลียใช่ไหม ต้องชงเหล้าให้นายแดกใช่ไหม" นายวิม กล่าวทิ้งท้าย ด้าน พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก กล่าวว่า สาเหตุเกิดจากการเก็บกดจากเรื่องงานที่ผิดพลาดบ่อยครั้ง เพราะปัญหาสุขภาพ จนมาระเบิดระบายความแค้นวันนี้ โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา และก็รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปพร้อมรับความผิดชดใช้กรรม ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บเท่าที่รับรายงานอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว โดยตั้งข้อกล่าวหาเรื่องฆ่าและพยายามฆ่าและมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง ทางตำรวจได้คัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ ซึ่งในวันที่ 29 พ.ค.ก็จะนำตัวผู้ต้องหาส่งฟ้องศาลต่อไป