นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าภาคธุรกิจได้มีการจัดเตรียมมาตรการเพื่อรองรับกับการเปิดธุรกิจในระยะที่ 3 ไว้ทั้งหมดแล้ว โดยเวลานี้รอให้ทาง ศบค.พิจารณาอนุญาตและตัดสินว่าธุรกิจใดบ้างจะสามารถเปิดให้บริการได้ในระยะที่ 3 และจะเปิดให้บริการได้ช่วงเวลาใด ซึ่งเมื่อมีความชัดเจนแล้วภาคธุรกิจพร้อมที่จะเดินหน้าทันที ส่วนการต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปอีก 1 เดือนนั้น มองว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเปิดธุรกิจหรือทำให้ธุรกิจไม่สามารถเปิดบริการได้ แต่เห็นว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยังมีความจำเป็น เนื่องจากมีบางส่วนที่กฎหมายปกติไม่สามารถดูแลให้ครอบคลุมและเกิดความเรียบร้อยได้ อาทิ ในส่วนของการบิน การปิดน่านฟ้า และคนเข้าเมือง โดยอยากให้มองในภาพรวมและเชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นานนัก การประกอบธุรกิจจะสามารถเดินหน้าได้ตามปกติ หากสามารถควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้อย่างแท้จริง ขณะที่การเปิดธุรกิจระยะที่ 2 นั้น ทั้งผู้ประกอบการและผู้ใช้บริการ มีความเข้าใจมาตรการในการดูแลความปลอดภัยมากขึ้น แต่ยังคงมีบางส่วนที่จะต้องสื่อสารให้เกิดความเข้าใจให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเช็คเอาท์ออกจากร้านค้า หลังจากเข้าเช็คอินใช้บริการแล้ว ทั้งนี้เพื่อจะได้ทราบระยะเวลาการอยู่ภายในร้านค้าหรือศูนย์การค้าอย่างแน่ชัด หากมีความเสี่ยงเกิดขึ้นจะจำกัดกลุ่มเสี่ยงได้ดีขึ้น ซึ่งในขณะนี้พบว่ายังคงมีตัวเลขที่ต่างกันเป็นอย่างมากระหว่างการเช็คอินใช้บริการกับการเช็คเอาท์ออกจากระบบ