วันที่ 27 พ.ค.ุ63 ที่ สตม.สวนพลู พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วย ผบ.ตร./ผอ.ศพดส.ตร., พล.ต.ท.อิทธิพล พิริยะภิญโญ ผบช.ประจำ ตร./หน.ชุด ชป. TICAC, พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ณัฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี /หน.ชุดปฏิบัติการ TICAC, พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.อภิมุข กานตยากร รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล ผกก.กก.4 บก.สส.สตม. แถลงข่าวจับกุมจับสาวแสบอ้างว่าถูกขายตัวต่างประเทศ หลอกชายชาวต่างชาติโอนเงินค่าไถ่สูญเงินกว่า 1.5 ล้านบาท พล.ต.ต.พรชัย กล่าวว่าตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมายก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด ซึ่งก่อนเกิดเหตุ ผู้เสียหายและผู้ต้องหาเคยรู้จักมีความสัมพันธ์กันมาก่อน ต่อมาผู้เสียหายซึ่งเป็นชายชาวต่างชาติ ได้รับการติดต่อขอความช่วยเหลือจาก น.ส.พนิตนาฎฯ(ผู้ต้องหา) ว่าถูกชายชาวต่างชาติ หลอกไปขายบริการที่อยู่ต่างประเทศ แล้วบอกให้ผู้เสียหาย โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของ น.ส.พนิตนาฎฯ โดยใช้มือถือของผู้ต้องหาติดต่อกับผู้เสียหายตลอดเวลา ทั้งทางข้อความ และอีเมล์ เพื่อเป็นค่าไถ่ตัว น.ส.พนิตนาฎฯ กลับมายังประเทศไทย และมีข้อความข่มขู่ว่าจะเปิดเผยความลับระหว่างตัวผู้เสียหาย กับ น.ส.พนิตนาฎฯ ให้ทางครอบครัวของผู้เสียหายทราบ ทางผู้เสียหายได้รู้สึกเกรงกลัวว่าความลับจะถูกเปิดเผยและหลงเชื่อจึงได้โอนเงินไปจำนวนหลายครั้ง ทางผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้โอนเงินไปหลายครั้ง รวมแล้วเป็นเงินกว่า 1.5 ล้านบาท แต่ก็ยังไม่สามารถไถ่ตัว น.ส.พนิตนาฎฯ กลับมายังประเทศได้ จึงเชื่อว่าน่าจะถูกหลอก จึงได้มาแจ้งความ ร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป จากการสืบสวนทราบว่า น.ส.พนิตนาฎ(ผู้ต้องหา) ไม่ได้ถูกหลอกไปขายบริการที่ต่างประเทศตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้างจริง และพบว่า น.ส.พนิตนาฎฯอาศัยอยู่ในประเทศไทย และมีพฤติกรรมเอาเงินที่หลอกผู้เสียหายมาเอาไปใช้จ่ายส่วนตัว ทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายค้น และหมายจับ ซึ่งศาลอนุมัติตามขอ ต่อมาวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ร่วมกันไปตรวจค้นจับกุมนำหมายจับ แสดงหมายเข้าจับกุมตัว น.ส.พนิตนาฎฯ ในข้อหา "ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นผู้อื่น รีดเอาทรัพย์" ได้ที่คอนโดหรูย่านซอยอารีย์ แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กทม. และผลการตรวจค้น พบโทรศัพท์เคลื่อนที่ และบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของกลาง ที่ใช้ในการหลอกหลวงกระทำความผิด รวม 3 รายการ ซึ่งเป็นของ น.ส.พนิตนาฎฯ และตรวจพบบัญชีอีเมล์ที่ น.ส.พนิตนาฎฯ ปลอมแปลงขึ้นเพื่อส่งข้อความไปข่มขู่ให้ผู้เสียหาย โอนเงิน อยู่ภายในโทรศัพท์เคลื่อนที่ ในชั้นจับกุม น.ส.พนิตนาฎฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงได้จับกุมตัวและ ตรวจยึดของกลางทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.แสนสุข ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป