สร้างระทึกขวัญ สะท้านใจ ให้แก่ชาวจิงโจ้ นิกเนมของประเทศออสเตรเลีย เมื่อช่วงต้นสัปดาห์นี้ สำหรับ เหตุมหาวาตภัย ภัยจากพายุ ความรุนแรงระดับ “ไซโคลน” ที่ชื่อ “มังกา (Mangga)” พัดกระหน่ำ “เวสเทิร์นออสเตรเลีย” รัฐฝั่งตะวันตกของประเทศออสเตรเลีย เมื่อช่วงต้นสัปดาห์นี้ ด้วยความเร็วลมสูงถึง 132 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งถือว่า หนักหน่วงรุนแรงที่สุด ในรอบ 15 ปี ในเหตุมหาวาตภัยพัดถล่มออสเตรเลีย ก็สร้างความเสียหายแก่บ้านเรือน และต้นไม้ ไปตลอดเป็นทางยาว ถึง 1,000 กิโลเมตร หรือคิดเป็นพื้นที่ราวครึ่งหนึ่งบริเวณตอนใต้ของรัฐแห่งนี้ จากเมืองตากอากาศ “คาลบาร์รี” ถึง “เมืองเดนมาร์ก” สถานท่องเที่ยวชื่อดังฟากตะวันตกเฉียงใต้ของออสเตรเลีย ซึ่งบรรยากาศและสถานการณ์ ปรากฏว่า หลังคาบ้านเรือนถูกพายุพัดกระหน่ำปลิวหาย ตามการเปิดเผยของโฆษกสำนักงานบริการฉุกเฉินและผจญเพลิงแห่งชาติออสเตรเลีย หรือดีเอฟอีเอส หลังประเมินความเสียหายที่พายุผ่านพ้นไปแล้ว พลังของ “มังกา” ยังก่อให้เกิดปรากฏการณ์ “คลื่นซัดฝั่ง” ส่งผลให้บรรดาเรือ และที่พักที่อยู่ตามเมืองท่าริมหาด ชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกพังล่ม ได้รับความเสียหายไปเป็นจำนวนมาก การเดินเรือ ต้องระงับให้บริการชั่วคราว พิษภัยของไซโคลน ยังส่งผลทำให้เกิดฝนฟ้าคะนอง ฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก โดยมีรายงานว่า ปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาในหลายพื้นที่วัดได้กว่า 70 มิลลิเมตรก็มี จนทางการออสเตรเลีย ต้องออกประกาศแจ้งเตือนให้ประชาชนระมัดระวังเรื่องน้ำท่วมสูงฉับพลันกันเอาไว้ด้วย แรงพายุ ยังทำให้การจ่ายกระแสไฟฟ้าขัดข้อง จนเป็นเหตุให้บ้านเรือนกว่า 60,000 หลัง ต้องอยู่ในสภาพไม่มีไฟฟ้าใช้ โดยส่วนใหญ่เป็นบ้านเรือนในเขตชุมชนเมือง อย่างในมหานคร “เพิร์ธ” เมืองเอกของรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย เป็นอาทิ