พท.กังวลรบ.ผลาญเงินกู้ไม่ถึงมือปชช.เอสเอ็มอีเข้ไม่ถึง ชี้บกพร่องหลายด้าน “วัฒนา”ห่วงเศรษฐกิจเปราะบาง จี้ตอบปชช.คงพรก.ฉุกเฉินนานแค่ไหน ขณะที่ “พงศ์เทพ”ติงพรก.เงินกู้บกพร่องหลายด้าน เมื่อวันที่ 26 พ.ค.นายโภคิน พลกุล กรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย แถลงผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยว่า พรรคเพื่อไทยเห็นด้วยกับการดำเนินการเยียวยาประชาชนและเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่การดำเนินการของรัฐบาลต้องไม่มีนัยยะใดๆแอบแฝง โดยเฉพาะการใช้พรก.ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมการทำกิจกรรมของประชาชน ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยจะตรวจสอบรัฐบาลเต็มที่ทั้งในแง่ของวิสัยทัศน์ของรัฐบาล ไม่รับฟังผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องหลายด้าน โดยเฉพาะการให้สภาความมั่นคงแห่งชาติพิจารณาการขยายพระราช จึงมีวิสัยทัศน์แบบอำนาจนิยมในด้านการบริหารและการทำงาน แม้รัฐบาลจะพยายามนำระบบดิจิทัลมาใช้แต่ไม่สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้คนรากหญ้าและผู้ประกอบการระดับกลางดำเนินชีวิตด้วยความยากลำบาก ดังนั้นในการอภิปรายพรก.กู้เงินพรรคเพื่อไทยจะชี้ให้เห็นปัญหาของรัฐบาลตั้งแต่ก่อนเกิดการระบาดของโควิด และกังวลต่อการบริหารจัดการเงินกู้จำนวน 1.9 ล้านล้านบาทว่าเงินเหล่านี้จะถึงมือของประชาชนหรือไม่อย่างไร ด้านนายวัฒนา เมืองสุข กรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคห่วงความเปราะบางของเศรษฐกิจไทย โดยมีการคาดการณ์จากหลายสำนักว่าประเทศไทยจะติดลบประมาณ 6% การส่งออกจะหดตัว ส่วนการบริโภคภายในกำลังซื้อจะลดลงอย่างรุนแรง เศรษฐกิจไทยเวลายืนอยู่ได้เพราะการลงทุนภาครัฐที่มาจากเงินกู้เป็นหลัก ดังนั้นรัฐบาลต้องสร้างความชัดเจนและสร้างความเชื่อมั่น เพื่อให้ประชาชนคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดอะไรกับประชาชนบ้าง หากคงพรก.ฉุกเฉินไปเรื่อยๆ ไปอีกนานแค่ไหน จะทำให้เศรษฐกิจของประชาชนเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ขณะที่นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา กรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สาระสำคัญของพระราชกำหนดกู้เงินมีความบกพร่องหลายประการ เช่น การควบคุมการใช้เงินที่มีความหละหลวม และเงื่อนไขของกฎหมายทำให้เอสเอ็มอีที่เข้าถึงเงินกู้นี้ได้เพียงประมาณแสนราย จากเอสเอ็มอี ทั้งหมดประมาณ 3 ล้านราย ด้วยเหตุนี้ภายหลังสภาเห็นชอบกับพระราชกำหนดกู้เงินทั้งสามฉบับเมื่อไหร่พรรคเพื่อไทยจะเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดทั้งสามฉบับทันที เพื่อให้เนื้อหาสาระสำคัญที่สามารถช่วยเหลือประชาชนและตรวจสอบการใช้เงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ