ที่โรงพยาบาลบ้านบึง อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี “นายกเป้า”นายจิรวุฒิ สิงห์โตทอง ว่าที่ผู้สมัคร นายก อบจ.ชลบุรี หัวหน้ากลุ่มChange ชลบุรี พร้อมแกนนำกลุ่มChange หนองชาก พร้อมคณะได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลบ้านบึง เพื่อมอบตู้ปันน้ำใจกลุ่ม Change ชลบุรี ให้กับแพทย์หญิงแววดาว พิมลธเรศ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ้านบึง เพื่อนำตู้ไปตั้ง แบ่งปันสิ่งของ โดยภายในตู้ประกอบด้วยเครื่องดื่ม นม ไมโล โอวัลติน มาม่า ไวไว โจ๊ก ดัสมิลล์ ขนมไข่ น้ำดื่ม ฯลฯ เพื่อบริการประชาชนที่มาใช้บริการในโรงพยาบาล อีกทั้งยังต้องการแบ่งปันให้ แพทย์ –พยาบาล –บุคลากร ที่ทำงานภายในโรงพยาบาลตลอด 24 ชั่วโมงในช่วงวิกฤตโควิด 19
แพทย์หญิงแววดาว พิมลธเรศ ผอ.รพ.บ้านบึง กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าตู้ปันน้ำใจที่ทาง “นายกเป้า” นำมามอบให้โรงพยาบาลบ้านบึงในวันนี้นั้น จะตั้งไว้บริเวณหน้าห้องฉุกเฉิน คนไข้จะมีตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งอุบัติเหตุหรือสภาวะฉุกเฉิน ที่อาจจะไม่มีอาหารกิน หรือหิว ก็จะได้ให้คนไข้ได้รับการเติมเต็มทั้งญาติคนไข้ รวมถึงบุคลากรในโรงพยาบาล ซึ่งขณะนี้ทางโรงพยาบาล เราได้ดูแลกันอย่างดีทั้งสวัสดิการและค่าตอบแทน ทำให้มีขวัญและกำลังใจที่ดีแม้จะต้องทำงานบริการคนไข้ตลอด 24 ชั่วโมง
ทางด้าน “นายกเป้า” นายจิรวุฒิ สิงห์โตทอง กล่าวว่าในส่วนตู้แบ่งปันน้ำใจจากกลุ่มChange ชลบุรีนั้นได้รับการอนุเคราะห์จาก นายพายุ เนื่องจำนงค์ หลานชาย ดร.ประโยชน์ เนื่องจำนงค์ ซึ่งปัจจุปันเป็นคณะทำงานของ รมว. พาณิชย์ สำหรับโครงการตู้ปันน้ำใจชาวChange ชลบุรี เราจะเริ่มทดลองเบื้องต้น 4 ตู้ใน 4 โรงพยาบาลระดับอำเภอ ประกอบด้วย รพ.อ.บ้านบึง รพ.อ.หนองใหญ่ รพ.อ.เกาะจันทร์ รพ.อ.บ่อทอง โดยสิ่งของที่จัดใส่ในแต่ละตู้นั้น ได้ใช้เงินส่วนตัวซื้อมาใส่ไว้ เพื่อเป็นการแบ่งปันกันไปในช่วงที่ประชาชนเดือดร้อน และได้รับผลกระทบจากโรคไวรัสโควิด 19 จะเป็นข้าวของเครื่องใช้ที่ประชาชน จะต้องกินต้องใช้ในชีวิตประ จำวัน มูลค่าชุดละประมาณ 10,000 บาท จากเดิมที่เรามีแผนจะไปตั้งตู้ปันน้ำใจในเขตชุมชนต่าง ๆ ปรากฏว่าได้รับเสียงสะท้อนมาว่า คนที่มาเอาส่วนใหญ่เป็นคนหน้าเดิม ๆ และไม่ได้เอาไปกินไปใช้มีบางรายถึงขนาดขนของในตู้ไปขาย ไม่แบ่งปันให้คนที่มาเอาภายหลัง จึงได้เปลี่ยนใจนำมามอบให้โรงพยาบาล ในเขตพื้นที่ก่อนเพราะมี จนท.ดูแล
อีกทั้งยังจะได้แบ่งเบาภาระให้กับคนไข้อนาถาจำนวนมาก รวมทั้งญาติคนไข้ และยังจะได้ให้บุคคลากรในโรงพยาบาล ซึ่งต้องเหน็ด เหนื่อยในการทำงานดูแลผู้ป่วยตลอด 24 ชั่วโมง ได้รับสิ่งของในตู้ปันน้ำใจอีกด้วย ถือว่าเป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ จากพวกเราชาว Change ชลบุรี ที่จะต้องแบ่งปันดูแลช่วยเหลือคนทำงาน ในส่วนของตู้แบ่งปันน้ำใจกลุ่ม Change ชลบุรีนั้น จะทำต่อไปให้ครบทุกโรงพยาบาล ในแต่ละอำเภอ ซึ่งในเบื้องต้นจะขอทดลองในโรงพยาบาล 4 อำเภอ นี้นำร่องไปก่อน ซึ่งเป็นเขตพื้นที่นอกเมือง
แพทย์หญิงแววดาว พิมลธเรศ ผอ.รพ.บ้านบึง กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าตู้ปันน้ำใจที่ทาง “นายกเป้า” นำมามอบให้โรงพยาบาลบ้านบึงในวันนี้นั้น จะตั้งไว้บริเวณหน้าห้องฉุกเฉิน คนไข้จะมีตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งอุบัติเหตุหรือสภาวะฉุกเฉิน ที่อาจจะไม่มีอาหารกิน หรือหิว ก็จะได้ให้คนไข้ได้รับการเติมเต็มทั้งญาติคนไข้ รวมถึงบุคลากรในโรงพยาบาล ซึ่งขณะนี้ทางโรงพยาบาล เราได้ดูแลกันอย่างดีทั้งสวัสดิการและค่าตอบแทน ทำให้มีขวัญและกำลังใจที่ดีแม้จะต้องทำงานบริการคนไข้ตลอด 24 ชั่วโมง
ทางด้าน “นายกเป้า” นายจิรวุฒิ สิงห์โตทอง กล่าวว่าในส่วนตู้แบ่งปันน้ำใจจากกลุ่มChange ชลบุรีนั้นได้รับการอนุเคราะห์จาก นายพายุ เนื่องจำนงค์ หลานชาย ดร.ประโยชน์ เนื่องจำนงค์ ซึ่งปัจจุปันเป็นคณะทำงานของ รมว. พาณิชย์ สำหรับโครงการตู้ปันน้ำใจชาวChange ชลบุรี เราจะเริ่มทดลองเบื้องต้น 4 ตู้ใน 4 โรงพยาบาลระดับอำเภอ ประกอบด้วย รพ.อ.บ้านบึง รพ.อ.หนองใหญ่ รพ.อ.เกาะจันทร์ รพ.อ.บ่อทอง โดยสิ่งของที่จัดใส่ในแต่ละตู้นั้น ได้ใช้เงินส่วนตัวซื้อมาใส่ไว้ เพื่อเป็นการแบ่งปันกันไปในช่วงที่ประชาชนเดือดร้อน และได้รับผลกระทบจากโรคไวรัสโควิด 19 จะเป็นข้าวของเครื่องใช้ที่ประชาชน จะต้องกินต้องใช้ในชีวิตประ จำวัน มูลค่าชุดละประมาณ 10,000 บาท จากเดิมที่เรามีแผนจะไปตั้งตู้ปันน้ำใจในเขตชุมชนต่าง ๆ ปรากฏว่าได้รับเสียงสะท้อนมาว่า คนที่มาเอาส่วนใหญ่เป็นคนหน้าเดิม ๆ และไม่ได้เอาไปกินไปใช้มีบางรายถึงขนาดขนของในตู้ไปขาย ไม่แบ่งปันให้คนที่มาเอาภายหลัง จึงได้เปลี่ยนใจนำมามอบให้โรงพยาบาล ในเขตพื้นที่ก่อนเพราะมี จนท.ดูแล
อีกทั้งยังจะได้แบ่งเบาภาระให้กับคนไข้อนาถาจำนวนมาก รวมทั้งญาติคนไข้ และยังจะได้ให้บุคคลากรในโรงพยาบาล ซึ่งต้องเหน็ด เหนื่อยในการทำงานดูแลผู้ป่วยตลอด 24 ชั่วโมง ได้รับสิ่งของในตู้ปันน้ำใจอีกด้วย ถือว่าเป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ จากพวกเราชาว Change ชลบุรี ที่จะต้องแบ่งปันดูแลช่วยเหลือคนทำงาน ในส่วนของตู้แบ่งปันน้ำใจกลุ่ม Change ชลบุรีนั้น จะทำต่อไปให้ครบทุกโรงพยาบาล ในแต่ละอำเภอ ซึ่งในเบื้องต้นจะขอทดลองในโรงพยาบาล 4 อำเภอ นี้นำร่องไปก่อน ซึ่งเป็นเขตพื้นที่นอกเมือง