EXIM BANK เดินหน้า 7 มาตรการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ส่งออกที่รับผลกระทบโควิด-19 ได้รวม 4.1 พันราย หรือ 31% ของผู้ส่งออกทั้งประเทศ คิดเป็นเป็นวงเงินรวม 5 หมื่นล้านบาท และช่วยหนุนธุรกิจการค้าระหว่างประเทศให้เพิ่มขึ้นกว่า 2 แสนล้านบาท นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ EXIM BANK เปิดเผยว่า ได้ให้ความช่วยเหลือและเยียวยาลูกค้าและผู้ประกอบธุรกิจส่งออก นำเข้า และนักลงทุนไทยจากผลกระทบของโควิด-19 ด้วยมาตรการต่างๆแก่ลูกค้าไปแล้วจนถึงวันที่ 15 พ.ค.63 เป็นจำนวนกว่า 4,100 ราย หรือ 13% ของผู้ส่งออกทั้งประเทศ โดยคิดเป็นวงเงินรวม 50,000 ล้านบาท ซึ่งทำให้เกิดปริมาณธุรกิจด้านการค้าระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นกว่า 200,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังมีผู้ประกอบการขอรับคำปรึกษาด้านการส่งออกและเข้าร่วมโครงการอบรมหรือสัมมนาออนไลน์กับศูนย์ความเป็นเลิศด้านการค้าของธนาคารอีกกว่า 1,100 ราย สำหรับมาตรการของ EXIM BANKเพื่อสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่ผ่านมาจะมี 7 มาตรการประกอบด้วย 1.การพักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 6 เดือน ให้แก่ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม 2.การขยายเงื่อนไขบริการประกันการส่งออก เพื่อคุ้มครองความเสี่ยงจากการไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศ โดยขยายระยะเวลาการชำระเงินที่ให้ความคุ้มครองสูงสุด 270 วันแก่ผู้ส่งออกที่ถือกรมธรรม์ประกันการส่งออกของ EXIM BANK และส่งออกไปยังประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ตามประกาศขององค์การอนามัยโลก 3.สินเชื่อ Soft Loan ดอกเบี้ย 2% ต่อปี เพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางธุรกิจให้แก่ลูกค้าและผู้ส่งออก โดยเป็นสินเชื่อระยะยาว 7 ปี สำหรับลูกค้าและผู้ประกอบการทั่วไป วงเงินสูงสุด 20 ล้านบาทต่อราย อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 2% ต่อปีในปีที่ 1-2 และยังมีสินเชื่อระยะสั้น 2 ปี สำหรับลูกค้าที่มีวงเงินรวมกลุ่มไม่เกิน 500 ล้านบาท วงเงินสูงสุด 20% ของยอดหนี้คงค้าง ณ 31 ธันวาคม 2562 อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 2% ต่อปี ฟรีดอกเบี้ย 6 เดือน และ ฟรีค่าธรรมเนียมการใช้สินเชื่อ 4.สินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน ให้แก่กิจการที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออกและลงทุนระหว่างประเทศ ดอกเบี้ยต่ำสุด 3% ต่อปี วงเงินสูงสุด 15 ล้านบาทต่อราย ระยะเวลากู้สูงสุด 7 ปี 5.สินเชื่อเพื่อการลงทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ดอกเบี้ย 2% ต่อปี วงเงินสูงสุด 100 ล้านบาทต่อราย ระยะเวลากู้สูงสุด 7 ปี 6.สินเชื่อสนับสนุนสินค้าเกษตร อาทิ ผลไม้ ยาง 7.การให้คำปรึกษาแนะนำทางโทรศัพท์ 0-2617-2111 ต่อ 3510-2 และจัดอบรมออนไลน์ เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยสามารถส่งออกได้มากขึ้น โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ขอย้ำว่า ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อเยียวยาลูกค้าและผู้ส่งออกในรูปแบบการพักชำระหนี้และให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเสริมสภาพคล่องด้วยต้นทุนทางการเงินที่ต่ำกว่าปกติ การขยายบริการประกันการส่งออก เพื่อช่วยให้ผู้ส่งออกไทยกล้าเสนอเทอมการชำระเงินที่ผ่อนปรนขึ้น โดยไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ได้รับชำระเงินจากผู้ซื้อในต่างประเทศ ขณะเดียวกันได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง อาทิ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงสำนักงานผู้แทน EXIM BANK ในย่างกุ้ง เวียงจันทน์ และพนมเปญ เพื่อให้ข้อมูลเศรษฐกิจและบทวิเคราะห์ธุรกิจ ชี้ช่องทางและโอกาสของผู้ประกอบการไทยในต่างประเทศ โดยเฉพาะ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ยังมีความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคจำนวนมาก แม้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างไรก็ตามธนาคารยังติดตามสถานการณ์และความเดือดร้อนของลูกค้าและผู้ประกอบการไทยในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออกและลงทุน และออกมาตรการต่างๆ เพื่อเยียวยาความเดือดร้อนอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่การลดดอกเบี้ย MLR MOR และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง MRR ให้อยู่ระดับ 5.75% ต่ำสุดในระบบธนาคาร ตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม 2563 เพื่อช่วยผู้ประกอบธุรกิจส่งออก โดยเฉพาะ SMEs การจัดให้มีแพ็กเกจทางการเงินและข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์แก่ลูกค้าและผู้ส่งออกที่สนใจ เพื่อเตรียมความพร้อมด้านเงินทุนและความรู้ ควบคู่กับการขยายเครือข่ายธุรกิจให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งพฤติกรรมของตลาดผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมสู่ฐานวิถีชีวิตใหม่หรือ New Normal พร้อมกับโอกาสใหม่ๆทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้นต่อไป