นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี  กล่าวถึงกรณีที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)​ จะเสนอต่อที่ประชุม ศบค. เพื่อคงพ.ร.ก.ฉุกเฉินเอาไว้อีก 1 เดือนไปถึงสิ้นเดือนมิ.ย. เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19ว่า​ ส่วนตัวมองว่าแม้จะมีตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ลดลง แต่หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสยังมีอยู่ ยังประมาทไม่ได้เด็ดขาด ดังนั้นเพื่อให้เกิดความมั่นใจโดยแท้จริง จึงจำเป็นต้องคง พ.ร.ก. ฉุกเฉินเอาไว้ก่อน เราต้องเลือกชีวิตความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้ง นายสุภรณ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ได้ประเมินสถานการณ์อยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ไม่ได้นิ่งนอนใจ​ และยังเตรียมที่จะผ่อนปรนมาตรการระยะที่ 3 และ 4 ต่อไป โดยเชื่อว่าหากสถานการณ์ดีขึ้นตามลำดับนายกฯจะพิจารณายกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินในที่สุด ขอให้ทุกฝ่ายให้ความร่วมมือและเข้าใจว่า ทุกอย่างรัฐบาลได้มีการพิจารณาโดยรอบด้าน​ นายกฯและรัฐบาลมีความจริงใจที่จะแก้ปัญหาให้กับประชาชน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยจากเชื้อโควิด-19  การคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เอาไว้ นายกฯไม่ได้มีเจตนาเป็นอย่างอื่น นอกจากควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาด​ รวมทั้งยังได้ดำเนินการไปพร้อมๆกับการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบด้วย "ดังนั้นขอให้นักการเมืองหรือคนที่จะออกมาคัดค้าน การต่อ พ.ร.ก. ฉุกเฉินให้เข้าใจตรงนี้ด้วย อย่าเอามาตีเป็นประเด็นเกี่ยวข้องทางการเมือง วันนี้การเมืองเก็บใส่ลิ้นชักไว้ก่อน เอาประเทศชาติและชีวิตประชาชนเป็นตัวตั้ง เพื่อให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ต่อสู้กับไวรัสโควิดจนทำให้ประชาชนปลอดภัยสูงสุดระดับต้นๆของโลก ผมเชื่อมั่นว่าหลังวิกฤตโควิดของโลกคลี่คลายลง ประเทศไทยจะเป็นประเทศที่มีความเชื่อมั่นจากต่างชาติในด้านการลงทุนและการท่องเที่ยวโดยเฉพาะด้านสาธารณสุขการแพทย์ จะทำให้นักท่องเที่ยวทุกคนทั่วโลกสนใจเดินทางมาประเทศไทยเพราะปลอดภัยสูงสุดอย่างแน่นอน นักท่องเที่ยวจำนวนมากจะพุ่งเป้าเดินทางมาประเทศไทย จะทำให้เรามีเศรษฐกิจมีรายได้จากการท่องเที่ยวมหาศาล เราจึงต้องช่วยกันร่วมมือกันทำให้เห็นว่าประเทศเราสามารถปกป้องคุ้มครองชีวิตประชาชนให้ปลอดภัยขั้นสูงสุดให้ได้ ดังนั้นนักการเมืองทุกฝ่ายทุกคนก็ต้องช่วยกันร่วมมือให้ประเทศไทยประสบความสำเร็จร่วมกันเพื่อความมั่นคงเติบโตทางเศรษฐกิจในวันข้างหน้าอันใกล้นี้ให้ได้เพราะประเทศนี้เป็นของพวกเราทุกคนที่ต้องดูแลรับผิดชอบร่วมกันมิใช่หรือ" นายสุภรณ์ กล่าว