รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความในเพจเฟสบุ๊กส่วนตัว ชื่อ “Thira Woratanarat” ระบุว่า... วันนี้ยังคงเป็นเลขหลักหน่วย...3 คน... แต่ที่ต่างกันไปจากในช่วงที่ผ่านมาคือ ประวัติการสัมผัสเชื้อของผู้ติดเชื้อรายใหม่ในวันนี้มีความซับซ้อนมากกว่าอดีตที่เราเห็นมา หากไม่นับเคสใหม่ที่กลับมาจากฟิลิปปินส์และได้รับการกักตัวเฝ้าสังเกตอาการแล้ว ที่ควรได้รับความใส่ใจและสนใจจากทุกคนคือ เคสผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวหลายโรค และมีประวัติเดินทางไปรับการดูแลรักษาทั้งที่โรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลเอกชน และเดินทางไปหลายต่อหลายที่ในชุมชน รวมถึงร้านตัดผม ทั้งในกทม.และปริมณฑล และอีกรายเป็นชาวต่างชาติที่อยู่ในกทม.แต่ไม่มีอาการ และได้เดินทางไปต่างจังหวัดพบปะคนอื่นๆ รวมถึงไปห้างสรรพสินค้าด้วย กรณีข้างต้น เป็นสัญญาณเตือนให้เรามีความระแวดระวังเรื่องการแพร่เชื้อหรือรับเชื้อมาระหว่างการใช้ชีวิตประจำวัน เพราะเราจะไม่มีทางทราบได้เลยว่าใครติดเชื้อหรือไม่ติดเชื้อ หลายต่อหลายคนในช่วงหลังๆ ล้วนตรวจพบว่าติดเชื้อแต่ไม่มีอาการ ที่น่ากังวลคือ ประวัติที่มีการตะลอนไปที่ต่างๆ เยอะ จนอาจไม่สามารถสืบค้นจนฟันธงได้ว่าติดมาจากไหน จะยิ่งบ่งถึงความเป็นไปได้ของการระบาดระลอกที่สองที่อาจมาได้ หากมีกรณีคล้ายกันมากขึ้นในอนาคต จึงต้องเน้นย้ำให้เราทุกคนใช้ชีวิตอย่างมี"สติ" การ์ดต้องไม่ตก...หากรักตัวเอง และรักครอบครัว New Normal = New "Me" ความเป็นปกติใหม่นี้ต่างจากเดิม ไม่สะดวกสบายเช่นในอดีต แต่หากจะปลอดภัยจากโรค COVID-19 ซึ่งติดง่ายกว่าไข้หวัดใหญ่ราว 3 เท่า เราคงต้องอดทน อดกลั้น อดออม พอเพียง จึงจะยืนหยัดสู้กับโรคในระยะยาวได้ ยาหรือวัคซีนยังต้องใช้เวลาอีกนาน กว่าจะได้มาใช้จริงอย่างครอบคลุม หากละเลยเพิกเฉย ก็เหมือนเสี่ยงดวง หากแจ็คพอตติดเชื้อมา นอกจากติดเชื้อตัวเองแล้วยังติดคนอื่นๆ ที่ใกล้ชิดด้วย "โควิด...ติด...ไม่ใช่แค่คุณ" #โรคติดต่อจะไม่ติดต่อถ้าเราไม่ติดต่อกัน #WorkfromHome #ใส่หน้ากากเสมอล้างมือบ่อยๆอยู่ห่างจากคนอื่นๆ #NewNormal_NewMe ประเทศไทยต้องทำได้ครับ... เป็นกำลังใจให้ทุกคน...