พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมส่วนราชการเพื่อประเมินความเหมาะสมในการขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ว่า ในการประชุมได้เชิญหน่วยงานด้านความมั่นคง ข่าวกรอง สาธารณสุข รวมถึงหน่วยงานอื่นๆ มาหารือ โดยพยายามชั่งน้ำหนักทุกมิติ แน่นอนว่าความมั่นคงเป็นแกนหลักและด้านสาธารณสุขก็เป็นหลักเช่นเดียวกัน ซึ่งแนวคิดที่ทำมาตั้งแต่ต้น ให้ความสำคัญเรื่องนี้สำคัญที่สุด ทั้งนี้ปัจจุบัน แม้ดูเหมือนว่าสถานการณ์ดีขึ้น แต่สถานการณ์โลกยังน่าเป็นห่วง มีตัวเลขผู้ป่วยเพิ่มขึ้นทุกวัน ไทยเองแม้จะประสบความสำเร็จแต่ต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง การผ่อนคลายต้องทำด้วยความระมัดระวังไม่ให้มีการติดเชื้อระลอกสอง ด้วยเหตุผลความจำเป็น ทุกหน่วยจึงเห็นพ้องต้องกันให้ขยายการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีก 1 เดือนเพื่อให้ครอบคลุมห้วงระยะเวลาเดือน มิ.ย.ทั้งเดือน โดยจะเสนอให้ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค.พิจารณาในวันที่ 22 พ.ค. ถ้าเห็นด้วย จะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในสัปดาห์หน้า พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า การใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ถือเป็นเจตนารมณ์ตั้งแต่แรกที่เราต้องการเอาเครื่องมือทั้งหลายหรือกฎหมายหลายฉบับมารวมไว้ที่เดียวกัน จะเห็นว่าเมื่อประกาศใช้ เราได้ตั้ง ศบค. และใช้กฎหมาย 40 ฉบับอยู่ภายใต้กำกับนายกรัฐมนตรี ทำให้การสั่งการเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และเป็นเอกภาพ ส่วนสาเหตุต้องต่ออีก 1 เดือนนั้น เพราะเดือน มิ.ย. เป็นช่วงการผ่อนคลายระยะที่ 3 และ 4 ต้องยอมรับว่าการผ่อนคลายทุกระยะมีความเสี่ยงทุกขณะ ถ้าผ่อนคลายอย่างไม่ระมัดระวังการแพร่ระบาดอาจจะกลับมาอีกและหนักกว่าเดิม เราจึงเห็นว่าการมีเครื่องมือในการกำกับดูแลอย่าง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถือตัวเป็นกำหนดตัวที่ดีอยู่แล้ว เมื่อถามว่าบางฝ่ายมองว่าการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันความเคลื่อนไหวทางการเมือง พล.อ.สมศักดิ์​ กล่าวว่า ตั้งแต่วันแรกที่นายกฯ ตัดสินใจใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เราไม่เคยคำนึงถึงเรื่องการเมืองเลย จนถึงวินาทีนี้ในฐานะที่ตนร่วมแก้ปัญหานี้มาตั้งแต่ต้นกล้ารับประกันว่า เราไม่ได้เอาเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง การใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินยังคงใช้เพื่อป้องกันการแพร่ะระบาดของโควิด-19 ไม่มีนัยยะทางการเมือง อาจจะมีผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของคนบางกลุ่ม แต่ทั้งหมดนี้เพื่อให้เกิดผลทางด้านสาธารณสุขเป็นสำคัญ ทั้งนี้การตัดสินใจเกี่ยวกับการมาตรการเคอร์ฟิว พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้คุยกันเรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพียงอย่างเดียว แต่เรื่องการผ่อนคลายระยะที่ 3 จะพูดถึงเรื่องเคอร์ฟิวด้วย ซึ่งจะมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 27 พ.ค. ตนเข้าใจว่าเรื่องนี้กระทบชีวิตประชาชน ซึ่งอาจจะมีผ่อนคลายในห้วงระยะเวลาที่เหมาะสม แต่ยังบอกไม่ได้ว่าจะปรับเหลือระยะเวลาเท่าไร ทั้งนี้มาตรการเคอร์ฟิว ทำให้การควบคุมการแพร่ระบาดดีขึ้น จำกัดความเคลื่อนไหวของคนบางประเภทที่ไม่ยอมใช้ชีวิตแบบสมถะ และทำให้การอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ทำได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตามต้องดูอีกครั้งว่าในการผ่อนคลายระยะที่ 3 อาจจะพิจารณาให้ห้วงเวลาลดน้อยลงหรือเท่าเดิม ก็ขึ้นอยู่กับเหตุผลความจำเป็น เมื่อถามว่า ที่ประชุมพูดถึงมาตรการผ่อนคลายเกี่ยวกับโรงเรียนหรือไม่ พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการ ประกาศไปก่อนหน้านี้แล้วว่าจะเปิดเทอมวันที่ 1 ก.ค. ดังนั้นในห้วงเดือน มิ.ย.จะมีการพูดคุยกันมากยิ่งขึ้น เพื่อกำหนดมาตรการต่างๆ เพราะสถานการณ์ในต่างประเทศ โดยเฉพาะเกาหลีใต้ และฝรั่งเศส หลังจากเปิดโรงเรียนแล้ว ทำให้มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น เราไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้น ดังนั้นก่อนเปิดเรียน ต้องมีการพูดคุยกันอย่างเข้มข้น ว่าจะเปิดในลักษณะไหน รูปแบบไหน เท่าที่ฟัง รมว.ศึกษาธิการ การเปิดเทอมยังอยู่ที่วันที่ 1 ก.ค.และจะยึดถือกำหนดนั้นต่อไป แต่ถ้าจะเปิดเทอมก่อนหน้านั้น ก็ต้องมาคุยกันว่ามาตรการของกระทรวงสาธารณสุข และ สมช.จะดำเนินการอย่างไร ส่วนการพิจารณากรอบระยะเวลาในการเปิดสนามบินนั้น พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน แต่เป็นเรื่องพิจารณาของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กทพ.) และเป็นมาตรการที่สอดคล้องกับมาตรการในภาพรวมอยู่แล้ว